ในรูปเถาอันหรานยิ้มเบิกบาน สวมชุดครุยสีเข้ม พู่ห้อยที่อยู่
ด้านขวาปลิวไหวดูซุกซน
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำ คัญที่สุดในชีวิตเธอ!
เธอคิดไม่ถึงว่าพ่อจะเก็บรูปถ่ายใบนี้ไว้ตลอด
เถาอันหรานเปิดอัลบั้มรูปของพ่อแล้วน้ำตาร่วงเผาะๆ ใน
อัลบั้มมีแต่ตนกับแม่!
เขายังรักพวกเธออยู่ แต่…ทำไมเขาต้องจากไปด้วย
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพ่อต้องจากตนไป ทำไมพ่อต้อง
หย่ากับแม่ด้วย
จากไปคราวนี้ก็เจ็ดแปดปีแล้ว ทำไมถึงไม่มาหาพวกเธอ!
เถาอันหรานไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องจากไป มิหนำซ้ำ ยัง
ตัดรอนกันแบบนี้
ตอนนี้เอง เธอพบว่าบนหน้าจอมีโน้ตอยู่ไฟล์หนึ่งพอกรอกรหัส…ก็ยังเป็นวันเกิดของตน ตอนนี้จู่ๆ เธอก็ไม่กล้า
ทำอะไรต่อแล้ว
อย่างกับ…ตอนที่ความจริงอยู่ตรงหน้า เธอกลับไม่กล้าเข้าไปดู
แต่พอเงยหน้ามองพ่อที่กำลังผ่าตัดอยู่ เธอก็สูดหายใจลึกๆ
แล้วเปิดโน้ตบุ๊ค
เยอะมากจริงๆ…
มีไดอารี่อยู่เยอะมาก
เถาอันหรานติดนิสัยเขียนไดอารี่ตั้งแต่เด็ก นิสัยเรื่องเขียน
ไดอารี่ของเถาจวินได้มาจากการเขียนจดหมายในอดีต
สมัยเขาเป็นทหารไม่มีโทรศัพท์ หัวหน้าอาวุโสจึงให้พวกเขา
เขียนจดหมายถึงที่บ้าน เถาจวินไม่รู้หนังสือ
นิสัยรักความถูกต้องของเถาจวินขึ้นชื่อไปทั้งกองทหาร
ทหารใหม่เข้ากองทัพย่อมต้องก่อเรื่อง แต่เถาจวินยืนกรานคุม
ทหารใหม่กลุ่มนี้ด้วยท่าทีแบบทหารเก่า
ในกองมีทหารที่มีการศึกษาอยู่คนหนึ่ง ตอนแรกเถาจวินให้เขา
ช่วยเขียนจดหมายถึงบ้าน แต่…หลังจากกลับบ้านแล้วได้รู้จักแม่ของเถาอันหรานผ่านการดูตัว จู่ๆ เขาก็พบว่าจดหมายรักจะให้คนอื่น
เขียนให้ไม่ได้!
ดังนั้นจึงเริ่มเรียนตัวอักษร ไม่นานนักก็เขาก็รู้ตัวอักษรใน
‘คำคมคัดสรรของประธานเหมา’ ทั้งหมด…
พอเขียนได้แล้ว เขาจึงเขียนจดหมายกับไดอารี่ทุกครั้งที่
มีเวลาว่าง รอกลับบ้านแล้วจะให้เธอดู
นิสัยนี้ค่อยๆ หายไป แต่บางครั้งเขาก็ยังเขียนบ้าง
เป็นครั้งคราว
ด้านล่างสุดของหน้าจอมีไฟล์หนึ่งชื่อว่า ‘คำพูดแด่อันหราน’
‘อันหราน พ่อเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง แต่ตอนที่หนูอ่านจดหมาย
ฉบับนี้ พ่อคงไม่อยู่แล้ว’
‘ก่อนปี 2014 พ่อพบกับเรื่องยุ่งยากบางอย่างเข้า อาจจะต้อง
ติดคุก ไม่รู้ด้วยว่าติดคราวนี้ต้องติดกี่ปี แต่…ที่พ่ออยากบอกหนูก็
คือพ่อไม่ใช่คนเลว ไม่เคยเป็นคนเลวด้วย พ่อมีหลักการและ
ขีดจำ กัดของตัวเองพ่ออยากเป็นฮีโร่ แต่สังคมนี้บอกพ่อว่ามันเป็นยาก ตอนที่ย้าย
ตำแหน่งกลับมา พ่อภูมิใจในความสำ เร็จของตัวเองมาก คิดอยาก
ทำการใหญ่ อยากให้หนูกับแม่มีชีวิตได้อย่างดีที่สุด เสียดายที่พ่อ
พบว่าพ่อแปลกแยกกับโลกใบนี้เกินไป โลกที่พ่อเคยคุ้นเคยกำลัง
เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ…
ติดคุกไม่ใช่เรื่องโสภาอะไร พูดไปเดี๋ยวข้างบ้านหัวเราะเยาะ
เอา ถึงกับที่ต่อไปจะกระทบกับการหางานและอนาคตของหนู พ่อให้
หนูย้ายโรงเรียน ไปหาเพื่อนที่ร่วมรบด้วยกันเพื่อเปลี่ยน
สภาพแวดล้อมใหม่ให้หนู แล้วจากนั้นก็จัดแจงเรื่องหนูกับแม่ของหนู
ให้เรียบร้อย…’
……
‘สำ หรับครอบครัวหนึ่งแล้ว พ่อติดคุกเป็นเรื่องยุ่งยากเรื่องหนึ่ง
ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคตจะทำอะไรก็จะถูกรัฐบาลตรวจสอบ พ่อ
เถาจวินล้มเหลวยังไงก็จะปล่อยให้กระทบต่ออนาคตของลูกสาว
ไม่ได้ แม่หนูก็กำลังอยู่ในช่วงสำ คัญจะได้บรรจุ…พ่อเลยทำได้แค่หย่าแล้วก็จากพวกหนูมา จากนั้นค่อยให้นายเก่าช่วยดูแลนิดๆ
หน่อยๆ
ตอนนั้นลูกอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปด พ่อติดคุกไปแปดปี แต่พอ
พ่อคิดได้ว่าเรียนจบหนูต้องหางานทำ เกิดอยากเข้าหน่วยงานรัฐ
จะต้องถูกรัฐบาลตรวจสอบ พ่อมีคดีจะทำให้ผ่านได้ยาก ตอนนั้นพ่อ
เลยเริ่มพยายามทำตัวดี ตั้งใจลดหย่อนโทษ ทำความดีความชอบ
อยู่สองสามครั้ง หกปีก็ได้ออกจากคุก ตอนนั้นลูกเรียนจบ
ปริญญาตรี พ่อไปดูหนูครั้งหนึ่ง…พอออกมาแล้วถึงรู้ว่า พวกหนู
สบายดี…พ่อเองก็ดีใจ!
ตอนที่หนูทำงานพ่อได้รับการยอมรับแล้ว หนูก็ไม่ติดร่างแห
หรือได้รับผลกระทบอีกแล้ว ตอนนี้…พ่อดีใจมากจริงๆ!
แต่พ่อก็กลับไปไม่ได้อีกแล้ว’
เถาจวินเป็นทหาร ทั้งยังเป็นสมาชิกพรรค ถึงกับยังมี
เหรียญกล้าหาญระดับสองและสาม
เขาใช้สิ่งเหล่านี้ขอร้องนายเก่าไม่ให้ลูกสาวเขาติดร่างแห
มากเกินไปนักต่อให้หย่ากันนานแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังตรวจเจอเรื่องเถาจวิน
ทว่าเถาจวินมีผลงานโดดเด่นมาก ถึงกับทำคุณูปการต่อหน่วยงาน!
รวมกับเหรียญกล้าหาญระดับสองและสามในตอนแรกและ
ความช่วยเหลือของนายเก่า
เถาอันหรานจึงไม่ติดร่างแห ผ่านการตรวจสอบเข้าเป็น
เจ้าหน้าที่รัฐ
การตรวจสอบสำ หรับการสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐค่อนข้าง
เข้มงวด ถ้ามีครอบครัวสายตรงรับโทษอยู่ ต่อให้หย่าแล้วก็
ส่งผลกระทบมาก ถ้าไม่ได้หย่าขาดมีแต่ยิ่งกระทบหนัก!
เถาจวินรู้เรื่องนี้ เขาจึงทำเรื่องพวกนี้
ชายคนนี้พูดไม่เก่ง แต่รู้ว่าตนจะเป็นภาระให้ลูกกับครอบครัว
ไม่ได้
เขาจากมาเพราะยอมให้ลูกเมียด่าทอ แต่ไม่ต้องการให้
พวกเขาติดร่างแหไปด้วย
เขารู้ว่าเถาอันหรานกับแม่ย่อมไม่เห็นด้วยกับการหย่า อย่างไร
ก็ไม่หย่าแต่…
นิสัยลูกผู้ชายอย่างเถาจวินย่อมไม่ยอมให้ตนทำแบบนี้
แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดถูกหรือคุ้มไม่คุ้ม!
เขาคิดว่าทุกอย่างนี้อาจจะคุ้ม
แต่ในความคิดของเถาอันหราน ถ้าเธอย้อนเวลาได้ เธอขออยู่
กันพร้อมหน้าดีกว่า ต่อให้พ่อจะเป็นฮีโร่หรือหมาก็ช่าง…เขาเป็นพ่อ
ทั้ง
คน เข้าหน่วยงานรัฐไม่ได้ก็ช่างมัน!
พอเถาอันหรานอ่านจดหมายฉบับนี้แล้วก็ร้องไห้อยู่นาน
พักใหญ่ เถาอันหรานจึงมองแม่แล้วกอดแม่พลางเอ่ยว่า
“แม่คะ ที่จริงพ่อไม่ได้ทิ้งพวกเรา เขาแค่กลัวว่าจะกระทบถึงพวกเรา
…”
หญิงผู้นั้นถอนใจ
เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร
การหย่ากะทันหันทำให้เธอรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเกิดเรื่องแล้ว
แต่ตอนนั้นอันหรานสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอจึงบอกไม่ได้!พอเห็นลูกสาวร้องไห้ขนาดนี้ หญิงวัยกลางคนก็น้ำตาไหลเป็น
ทาง
ความเข้าใจผิดเจ็ดแปดปีสลายกลายเป็นฝุ่นควัน
แต่แล้วจะทำอย่างไรได้
เถาอันหรานเห็นพ่อไม่รู้ว่าจะรอดหรือตายอยู่บนเตียงผ่าตัด!
ในใจก็เหมือนโดนมีดแล่เฉือน
ไม่แน่…ถ้าโหลวซินฉวีไม่ติดต่อตนมา พ่ออาจจะป่วยอยู่
ตามลำพัง นอนอยู่คนเดียวที่นี่ ไม่มีใครดูแลใช่ไหม
ฮีโร่หรือ
ฮีโร่อะไรกัน!
เถาอันหรานหวังเพียงว่าพ่อจะเป็นคนธรรมดา
คนคนนี้ก็คือฮีโร่ในใจเธอ
พวกโหลวซินฉวีได้เห็นภาพนี้เข้าแล้วอดถอนใจออกมาไม่ได้
เถาจวินผู้นี้เป็นลูกผู้ชายจริงๆ
ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเคยเป็นอย่างไร แต่เรื่องพวกนี้ของเขาทำให้
โหลวซินฉวีที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังค่อนข้างเลื่อมใสแต่ไม่ว่าพ่อคนนี้จะทำสำ เร็จหรือไม่ เขา…ก็ทำเต็มที่แล้ว!
เถาหรานค่อยๆ สงบใจลง เธออ้อนวอนขอโอกาสให้ตัวเองจาก
พระเจ้า
ให้พ่อหายเถอะค่ะ!
พ่อทุ่มเทเพื่อตัวเราขนาดนั้น แล้วเราทำอะไรได้บ้าง
นอกจากคิดแค้นเกลียดชังเขาแล้ว ตนถึงกับไม่พยายาม
ตามหาหรือสืบเรื่องของเขาเลย
ถึงกับที่เถาอันหรานมาที่นี่วันนี้เพียงแค่อยากถามเขาว่าหลาย
ปีนี้พ่อไปไหนมา ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งหนูกับแม่ไป!
“ผู้อำนวยการอู๋…คุณช่วยให้พ่อฉันรอดได้ไหมคะ” เถาอันหรา
นอดเอ่ยถามไม่ได้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ