Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 10

ตอนที่ 10 เข้าแผนกประพันธ์เพลง

วันที่ 7 พฤศจิกายน

จ้าวเจวี๋ยถือโอกาสใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของวิทยาลัย ขับรถไปรับหลินเยวียนที่วิทยาลัยศิลปะฉินโจว และตรงไปยังสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์เพื่อทำเรื่องย้ายเขาไปยังแผนกประพันธ์เพลง

หลินเยวียนสะพายกระเป๋าใส่หนังสือเรียน

ครั้งนี้เขานั่งข้างคนขับ

ระหว่างทาง หลินเยวียนฟังเพลง บังเอิญในรถกำลังเล่นเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ พอดิบพอดี ทั้งยังเปิดโหมดเล่นวนซ้ำเพลงเดียวซะด้วย

หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทุกครั้งที่อยู่ในรถ จ้าวเจวี๋ยก็จะฟังเพลงนี้ อีกทั้งยังฟังไม่รู้จักเบื่ออย่างน่าประหลาด บางครั้งอารมณ์ดีหน่อยก็ร้องตามเพลงสองสามประโยค

สำหรับชีวิตนี้ของจ้าวเจวี๋ย เพลงนี้เรียกได้ว่ามีความหมายพิเศษมากทีเดียว

“จริงสิ”

ขณะกำลังใกล้จะถึงบริษัท จู่ๆ จ้าวเจวี๋ยก็พูดกับหลินเยวียนว่า “ถึง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ จะอยู่อันดับสอง แต่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วยอดดาวน์โหลดรวมสูงกว่าอันดับหนึ่ง หลังจากประชุมไปตอนเช้าวันนี้ บริษัทตัดสินใจอย่างเป็นทางการว่าจะชิงอันดับหนึ่งบนชาร์ตดาวรุ่งกับซาไห่!”

“อันดับสองแล้วเหรอครับ”

หลินเยวียนรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น

จ้าวเจวี๋ยกลับสะอึก จนคำพูดทันที

เธอล่ะอยากจะดึงหูหลินเยวียนมาแล้วเน้นย้ำสักประโยคว่า ‘ขอร้องล่ะ เธอช่วยสนใจผลคะแนนของเพลงตัวเองหน่อยได้มั้ย’

สุดท้ายจ้าวเจวี๋ยก็ฝืนใจทำไม่ลง

เธอเพียงแต่บอกหลินเยวียนล่วงหน้าไว้ก่อน “แต่ว่าสถานการณ์ของอันดับหนึ่งจะพิเศษหน่อย ฉันก็รับประกันไม่ได้ว่าจะสำเร็จ”

หลินเยวียนพยักหน้า

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ที่จริงแล้วสตาร์ไลท์ไม่ได้มีแผนจะให้ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ไปชิงอันดับหนึ่ง ถึงอย่างไรที่หนึ่งก็แข็งแกร่งน่าดู จะชิงอันดับต้องเดิมพันสูงมาก

แต่ว่า…

เพลงนี้ของหลินเยวียนก็มีศักยภาพที่จะแข่งขันได้จริงๆ นั่นละ ยอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นสูงกว่าอันดับหนึ่งมาตลอด

กอปรกับจ้าวเจวี๋ยได้ไปหาบุคลากรระดับสูงซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจท่านหนึ่ง ใช้วาทศิลป์อย่างเต็มที่ ใส่ลูกล่อลูกชนไปหนึ่งประโยค

‘พวกเราขวางซาไห่ได้ค่ะ!’

นี่คือจุดที่จ้าวเจวี๋ยวางแผนไว้แล้ว

เธอจะบอกว่าตนอยากเพิ่มทรัพยากรในการผลักดัน ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ เพื่อแย่งชิงอันดับที่หนึ่งในชาร์ตดาวรุ่ง ไม่แน่ว่าเหล่าบุคลากรขั้นสูงผู้มีอำนาจจะยินยอม

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพลงใหม่นักร้องใหม่ ถ้าทุ่มเงินโปรโมตมากเกินไปย่อมไม่คุ้มค่า

แต่หากทำแล้วสามารถขวางซาไห่ได้?

ผู้บริหารระดับสูงลังเลกันอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

ก็แค่จ่ายเงินมากอีกหน่อยไม่ใช่หรือไง ได้ทุบคู่แข่งสักหน่อยดีจะตายไป

ใครใช้ให้สามบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ในฉินโจวไม่ลงรอยกันล่ะ ซาไห่กับสตาร์ไลท์ก็ยิ่งเป็นคู่กัดกันเลย

รายละเอียดของต้นเหตุก็ย้อนไปตามสืบไม่ได้แล้ว

เอาเป็นว่าคนที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกันทั้งโลกก็เป็นคู่แข่งกันทั้งนั้น

สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากที่การตัดสินใจนี้ออกมา ทั้งอินเทอร์เน็ตก็เต็มไปด้วยการโปรโมตเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ เพื่อให้กระแสของเพลงกระเพื่อมไปอีก

……

เมื่อถึงประตูบริษัท จ้าวเจวี๋ยก็ส่งกุญแจรถให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเดินมาหา แล้วจึงพาหลินเยวียนตรงไปยังแผนกประพันธ์เพลง

“สวัสดีค่ะพี่จ้าว”

“สวัสดีครับพี่จ้าว”

เดินเข้าไปในบริษัท พนักงานที่เอ่ยทักทายจ้าวเจวี๋ยระหว่างทางนั้นมากกว่าที่หลินเยวียนเห็นตอนมาบริษัทเป็นครั้งแรกสักหน่อย หนำซ้ำท่าทีของผู้คนก็ดูกระตือรือร้นกว่าอีก

มีคนมองมาทางหลินเยวียนด้วย

แต่ว่าหลินเยวียนอายุยังน้อย ถ้าหากไม่ได้เห็นกับตา คนน้อยนักที่จะเชื่อมโยงชายหนุ่มท่าทางเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยเข้ากับตัวละครหลักซึ่งช่วงนี้เป็นที่กล่าวขวัญในบริษัทอย่าง ‘เซี่ยนอวี๋’

กดปุ่มลิฟต์ไปที่ชั้น 10

ไม่นานก็ถึงแผนกประพันธ์เพลงแล้ว

หลินเยวียนยืนอยู่หน้าประตู มองประเมินบรรยากาศภายในของแผนกประพันธ์เพลง

แผนกนี้ใหญ่กว่าที่หลินเยวียนจินตนาการไว้อยู่บ้าง สภาพแวดล้อมภายในโอ่โถงประณีต ตกแต่งได้บรรยากาศของศิลปินทีเดียว

ช่องว่างระหว่างโต๊ะทำงานด้านในนั้นห่างกันมาก ทั้งยังวางชั้นหนังสือกั้นระหว่างกัน เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว บนชั้นหนังสือมีตำราเกี่ยวกับดนตรีอยู่มากมาย

บรรยากาศการทำงานแบบนี้ ทำให้หลินเยวียนนึกเชื่อมโยงไปถึงห้องสมุดวิทยาลัย ดูผ่อนคลายจริงๆ

“พี่จ้าว”

เหล่าโจวผู้รับผิดชอบแผนกประพันธ์เพลงมารอจ้าวเจวี๋ยตั้งแต่แรกด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ ทว่าเมื่อเห็นจ้าวเจวี๋ยปรากฏตัวพร้อมหลินเยวียน รอยยิ้มของเขาก็หุบลงทันใด เอ่ยถามว่า

“เซี่ยนอวี๋ล่ะ?”

ในตอนนั้นบรรดาสมาชิกของแผนกประพันธ์เพลงต่างก็พลันวางมือจากงาน ชะเง้อมองไปทางปากประตูด้วยความสงสัย

เมื่อเช้าในแผนกจัดประชุม ทุกคนได้รับการแจ้งแล้วว่าเซี่ยนอวี๋ผู้แต่งเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ จะมารายงานตัวที่แผนกประพันธ์เพลงในวันนี้ ตอนนี้จึงสงสัยกันว่าเซี่ยนอวี๋หน้าตาเป็นอย่างไร

“ก็อยู่นี่แล้วไม่ใช่หรือไง”

จ้าวเจวี๋ยแนะนำหลินเยวียนด้วยท่าทางสง่างาม

เหล่าโจวชะงักไปเล็กน้อย เมื่อครู่เขาเห็นหลินเยวียนซึ่งตามจ้าวเจวี๋ยมาอยู่แล้ว ทว่ามองจากรูปลักษณ์ของหลินเยวียน เขายังคิดว่านี่เป็นศิลปินใหม่สักคนที่จ้าวเจวี๋ยพามา นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มท่าทางเหมือนนักศึกษาคนนี้จะเป็นเซี่ยนอวี๋ในตำนาน

จ้าวเจวี๋ยยิ้มร่าอย่างมีความสุข

เธอเข้าใจความประหลาดใจของเหล่าโจว

ก่อนหน้านี้หลังจากเธอเซ็นสัญญาหลินเยวียนแล้ว ก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม นั่นเป็นเพราะหลินเยวียนไม่เพียงมีพลังเสียงขั้นเทพ แต่ยังมีใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้อดชื่นชมไม่ได้ คุณสมบัติเช่นนี้ก็คือปัจจัยที่จะทำให้เขาโด่งดัง

และด้วยเหตุผลนี้เอง

ก่อนหน้านี้แม้แต่จ้าวเจวี๋ยก็ไม่คิดว่าหลินเยวียนจะเป็นอัจฉริยะด้านการประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ถึงขั้นที่เขียนเพลงอย่าง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ได้ หากไม่ใช่เพราะเสียงของเขาพังไปแล้ว เขาจะต้องเป็นลูกที่พระเจ้ารักมากแค่ไหนกัน

และในตอนนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน