Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 111

ตอนที่ 111 แก่นแท้ของมวลมนุษยชาติทำมาจากเครื่องเล่นเสียงซ้ำ

เปิดหน้าแล้วหน้าเล่า…

บรรณาธิการคนนี้เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือเร็วที่สุดในกองบรรณาธิการ ในขณะนี้กำลังอ่านถึงตอนสำคัญในเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนเกี่ยวกับการประลองเจ็ดปราณของสำนักเมฆาครามที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผลคือเขาคลิกจนเม้าส์แทบพัง ก็ยังไม่ปรากฏตอนต่อไป ถึงได้รู้สึกร้อนรนแบบนี้

เล่มแรกจบเท่านี้?

ฉู่ขวงไอ้คนชอบตัดจบดื้อๆ!

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อบรรณาธิการคนนี้อ่านจบ ก็ไม่ได้หมายความว่าบรรณาธิการคนอื่นจะอ่านจบเหมือนกัน ทุกคนกำลังอ่านอย่างเพลิดเพลิน พอได้ยินเสียงโหวกเหวกของบรรณาธิการคนนี้ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ สายตาแต่ละคู่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาต

“นายเงียบปากไปเลย!”

“ฉันก็แค่…”

“ถ้ากล้าสปอยล์ละก็ฉันฆ่านายแน่!”

บรรณาธิการคนนี้ไม่กล้ายั่วโมโหคนอื่นๆ ทำได้เพียงรูดซิปปากอย่างว่าง่าย

แต่คำพูดของเขาก็ได้เตือนสติบรรณาธิการคนอื่นๆ ซึ่งกำลังอ่านอยู่

ตอนนี้ทุกตนกำลังอ่านไป พลางภาวนาอยู่ในใจ

แท็บเลื่อนอย่าเพิ่งหยุดนะ!

อย่างที่ทุกคนรู้ ว่าไม่มีใครบังคับแท็บเลื่อนได้

เหล่าบรรณาธิการอ่านหนังสือเร็วกว่านักอ่านทั่วไป

ต่อให้ทุกคนพยายามอ่านให้ละเอียดถี่ถ้วนขึ้นสักหน่อย แท็บเลื่อนก็แสดงวิชาหายตัวในตำนานได้อยู่ดี ดังนั้นขณะที่ทุกคนอ่านเล่มหนึ่งอันน่าสงสารของเรื่องกระบี่เทพสังหารจบ กองบรรณาธิการก็แทบระเบิด บรรณาธิการแต่ละคนเอ่ยขึ้นมาว่า

“เชี่ย จบแล้ว?”

“เชี่ย จบแล้ว?”

“เชี่ย จบแล้ว?”

ราวกับว่าไม่ใช่บรรณาธิการกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นเครื่องเล่นเสียงซ้ำซะมากกว่า

จนพานให้คิดไปว่าบางทีแก่นแท้ของมวลมนุษยชาติของคนอาจทำมาจากเครื่องเล่นเสียงซ้ำก็เป็นได้

บรรณาธิการคนล่าสุดที่อ่านจบไม่กล้าพูดอะไรแล้ว “อ่านเร็วกันเกินไปแล้ว เป็นโรคของอาชีพบรรณาธิการอย่างเราๆ สินะ”

ทุกคนล้วนเห็นด้วย

สิ่งที่ทำให้พวกเขาเศร้าใจ อันที่จริงไม่ใช่เพราะตนเองอ่านหนังสือเร็ว แต่เป็นเพราะเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มที่หนึ่งถูกตัดตอน ชวนให้เศร้าใจจริงๆ เลย

“ฉู่ขวงทำไมเขียนสั้นขนาดนี้!”

“ตัดจบตรงนี้เนี่ยนะ!”

“ฉันอยากเห็นจางเสี่ยวฝานโชว์เหนืออะ!”

“ทรมานจิตใจคนอ่านเกินไปแล้ว!”

“กำลังถึงตอนตื่นเต้นทำไมอยู่ๆ ก็จบซะล่ะ!”

“…”

ที่จริงแล้วฉู่ขวงไม่ได้เขียนสั้นเลยสักนิดเดียว

ฉบับปรับปรุงจำนวนสองแสนตัวอักษรไม่ได้น้อยเลย

นิยายส่วนมากจะตีพิมพ์ทีละเล่มๆ มีนิยายบางเรื่องเขียนหนึ่งแสนกว่าตัวอักษรก็กล้าตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่ม ตีพิมพ์เนื้อหาสองแสนตัวอักษรในหนึ่งเล่มนั้นเรียกได้ว่าใจดีมากแล้วสำหรับวงการนี้

ท้ายที่สุดแล้ว ความโศกเศร้าของทุกคนนั้นก็ล้วนมาจากการตัดตอนของนิยาย

เห็นได้ชัดว่าการประลองเมฆาครามเจ็ดปราณนั้นเป็นหนึ่งจุดไคลแม็กซ์ ใครจะอยากให้เรื่องจบก่อนไคลแม็กซ์ล่ะ

“เป็นไง”

หยางเฟิงเอ่ยพลางยิ้มบางด้วยท่าทางสบายๆ

อันที่จริงก่อนหน้านี้หยางเฟิงตื่นเต้นกว่าใคร แต่ในตอนนี้เขาเห็นปฏิกิริยาของผู้คนแล้ว จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“สุดว่ะ”

“โหดสัส!”

“ปังมาก!”

คำศัพท์ซึ่งใช้จำกัดความประเภทนี้นั้นมีจำกัด จะใช้คำว่า ‘เชี่ย’ ทุกครั้งไปก็รู้สึกละอายใจต่ออาชีพบรรณาธิการ

ผ่านไปสองนาที

ทุกคนค่อยๆ ตั้งสติได้ “หนังสือเล่มนี้เรียกได้ว่าเขียนคำจำกัดความคำว่าเทพเซียนกำลังภายในเลย ฉู่ขวงกำลังจะสร้างมันขึ้นมาใหม่!”

“ที่แท้แนวเทพเซียนกำลังภายในก็เขียนแบบนี้นี่เอง”

“ตอนที่ฉันอ่านกระบี่เทพสังหาร ถึงขั้นได้อรรถรสของแนวกำลังภายในด้วย แต่ความเป็นสุนทรีย์จะมากกว่าแนวกำลังภายในอย่างเห็นได้ชัด หนังสือเล่มนี้ของฉู่ขวงอาจดึงกระแสของตลาดได้”

แนวกำลังภายในเคยเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง

กว่าร้อยละเก้าสิบของเหล่าชายสูงอายุในแผนกแฟนตาซี ล้วนแต่มีความฝันในการเป็นจอมยุทธ์ดวลกระบี่ในยุทธภพ ดังนั้นคนจำนวนมากจึงมีความรู้สึกหวนคิดถึงเช่นกัน

น่าเสียดายที่ยุคสมัยของแนวกำลังภายในได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน