Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 127

ตอนที่ 127 กระโดดเข้ากองไฟ

“ข้อควรระวังในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน…”

หลินเยวียนนึกไม่ถึงว่าตนเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ยังต้องได้รับ ‘คู่มือความปลอดภัยในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย’

ของพรรค์นี้แจกกันก็แค่ช่วงประถม

ที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นก็คือเนื้อหาของคู่มือนี้ เหมือนกับ ‘คู่มือความปลอดภัยในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนสำหรับนักเรียนประถม’ ไม่มีผิดเพี้ยน

อย่าเล่นไฟ

อย่าลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำ

อย่าฝ่าไฟแดง ฯลฯ

หากจะให้บอกว่ามีตรงไหนต่างกันละก็ เห็นจะเป็นตรงที่คู่มือความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าอย่าไปไนต์คลับและดิสโก้เท็ก เพราะนี่เป็นมิติเวลาที่เด็กประถมยังไม่มีทางข้ามมาได้

ไม่ว่าจะอย่างไร ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียวก็วนมาถึงในที่สุด

เมื่อกลับไปยังบริษัทอีกครั้ง หลินเยวียนก็ขึ้นไปชั้นบน ตรงไปหาหัวหน้าเหล่าโจว

“มาแล้วเหรอ” เหล่าโจวพูด “ดื่มชามั้ย”

หลินเยวียนพยักหน้า ดื่มใบชาชั้นดีของเหล่าโจวฟรีๆ ไม่ดื่มก็แย่แล้ว

“บอกมา มีเรื่องอะไร”

เหล่าโจวรินชาให้หลินเยวียนหนึ่งถ้วย เขาคิดว่าหลินเยวียนจะพูดถึงเรื่องเพลงความฝันแรก

หลินเยวียนถาม “ตอนปีสามผมไปฉีโจวได้มั้ยครับ”

เหล่าโจวชะงัก ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ทำไมเหรอ”

หลินเยวียนเล่าเรื่องนักศึกษาแลกเปลี่ยนให้เขาฟังรอบหนึ่ง พร้อมทั้งอธิบายว่า “เวลาทั้งหมดสองเทอม ผมเขียนเพลงที่นั่นแล้วส่งให้ในอีเมลก็ได้ครับ”

เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับงาน

เหล่าโจวเหลือบมองหลินเยวียน กล่าวเสียงทุ้ม “นายได้ยินข่าวลือที่นั่นมาแล้ว?”

หลินเยวียนอึ้งไป

เหล่าโจวเห็นปฏิกิริยาของหลินเยวียน ก็รู้ทันทีว่าเขาไม่เข้าใจ จึงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขื่น พลางเอ่ย “เรื่องที่หยางจงหมิงกลับมาฉินโจว นายรู้แล้วใช่ไหม”

หลินเยวียนพยักหน้า

หยางจงหมิงเป็นบุคคลระดับพ่อเพลง ย่อมตกเป็นประเด็นสนทนาได้ง่าย ดังนั้นในเวลางานก็จะได้ยินเพื่อนร่วมงานเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง

“ครับ”

นิ้วมือของเหล่าโจวเคาะกับโต๊ะ “ที่จริงแล้วสตาร์ไลท์ของเรามีบริษัทย่อยที่สเกลไม่ใหญ่อยู่ในฉีโจว ก่อนหน้านี้หยางจงหมิงอยู่ในฉีโจวก็ไม่ได้ใส่ใจบริษัทย่อยสักเท่าไหร่ เข้าไปคอยดูบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนี้หยางจงหมิงกลับมาแล้ว สถานการณ์ทางบริษัทย่อยเลยย่ำแย่ ถึงยังไงฉีโจวกับฉินโจวเราก็ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของตลาดดนตรีนี่ต่างกันราวฟ้ากับดินเชียวละ…”

หลินเยวียนพยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตนก็เถอะ

“ต้องบอกให้นายเข้าใจก่อน”

เหล่าโจวถอนหายใจ “สถานการณ์ของบริษัทย่อยในฉีโจวไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เบื้องบนเร่งให้ฉันส่งคนไปช่วยมาตลอด แต่มือทองของบริษัทเราไม่ค่อยมีคนอยากไปหรอก ยังไงซะสภาพของทางนั้นก็ลำบากกว่า เรื่องนี้เลยคั่งค้างไม่ถูกสะสางสักที ถ้านายไปฉีโจว ความรับผิดชอบนี้ก็จะตกมาอยู่ที่นาย โยนทิ้งไปก็ไม่ได้ผลักให้คนอื่นก็ไม่ดี ใครให้ตอนนี้นายเป็นมือทองซะแล้วล่ะ ฉันถึงไม่อยากให้นายไปไง…”

หลินเยวียนนึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้เคยบังเอิญได้ยินเหล่าโจวคุยโทรศัพท์ พูดว่าจะส่งคนไปฉีโจว

ดูท่าตนต้องกลายเป็นผู้ถูกเลือกไปซะแล้ว

เขาเอ่ยถามว่า “พอไปถึงที่นั่น งานของผมก็ยังเป็นการเขียนเพลงใช่มั้ยครับ”

เหล่าโจวกล่าวกลั้วหัวเราะ “แน่นอนอยู่แล้ว”

หลินเยวียนพยักหน้า “ผมรับได้ครับ”

ต่อให้สภาพแวดล้อมด้านงานดนตรีจะไม่เหมือนกัน ขอเพียงเป็นการเขียนเพลง เขาก็ไม่กังวลว่าตนจะทำไม่ได้

เหล่าโจวจ้องหลินเยวียนอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “ก็ได้ ยังไงก็ไม่ถึงหนึ่งปี ทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็นไร คิดซะว่าให้นายหยุดปีหนึ่งก็แล้วกัน…”

“ถ้างั้นผมไม่ต้องส่งเพลงกลับมาแล้วเหรอครับ”

“ไม่จำเป็นหรอก นายยังต้องไปตามเก็บกวาดภาระที่ฉีโจวอีก พอถึงตอนนั้นเจอเรื่องปวดหัว จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องทางนี้ บริษัทจะจัดการให้นายไปในนามผู้ที่สำนักงานใหญ่ส่งไปเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้นายขยับขยายได้สะดวก พอถึงตอนนั้นนายก็จะเป็นตัวแทนของแผนกประพันธ์เพลงจากสำนักงานใหญ่ ตำแหน่งน่าจะพอๆ กับผู้จัดการของทางนั้น”

“ครับ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่ตนจะไปฉีโจว ก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย

……

ไม่รู้ว่าทางแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบไปรู้เรื่องที่หลินเยวียนจะไปประจำที่สาขาย่อยในฉีโจวกันมาจากไหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน