ตอนที่ 211 การยอมรับจากราชาเพลง
“ตัวแทนหลิน เพลงนี้ของคุณสุดยอดไปเลย ไม่ใช่แค่ทำให้สตาร์ไลท์เราได้ที่หนึ่งในฤดูกาลนี้ แต่ยังทำให้ฉินฉีสองพื้นที่ได้รู้จักฝีมือของคุณ ก่อนหน้านี้ผมโง่เขลาเบาปัญญา ฟังเพลงไม่เข้าใจ ที่แท้เพลงของคุณก็ผ่านกระบวนการขบคิดอย่างปัญญาชน เพลงฮิตติดหูทั่วไปถึงได้แฝงความหมายลึกซึ้งถึงขนาดนี้”
อู๋หย่งพูดน้ำไหลไฟดับ
หลินเยวียนนั่งอยู่ในห้องทำงานของหลินเยวียน ไม่รู้เลยว่าอู๋หย่งพูดถึงเพลงอะไร หรือว่าจะเป็นเพลงเปลี่ยนตัวเอง แต่นั่นก็เป็นเพลงป็อปธรรมดาไม่ใช่เหรอ ใช่ว่าโลกนี้ไม่มีเพลงแนวริทึมแอนด์บลูส์ ทำไมต้องพูดซะเกินจริงถึงขนาดนี้ด้วย
“สมแล้วที่จางฉีเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
อู๋หย่งเสิร์ชหาบทวิจารณ์ของจางฉี แล้วอ่านให้หลินเยวียนฟัง น้ำเสียงเปี่ยมความจริงใจสะกดผู้ฟัง ราวกับรู้สึกถึงความภาคภูมิใจ และเมื่อหลินเยวียนฟังถึงตรงนี้ ถึงได้เข้าใจความหมายในคำพูดเมื่อครู่ของอู๋หย่ง เขารู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ยถาม “จางฉีเป็นอาจารย์สอนวิชาวรรณกรรมที่มหา’ลัยไหนเหรอครับ”
อู๋หย่ง “???”
หลินเยวียนส่ายหน้า “คนแบบนี้ต้องเรียนวรรณกรรมมาตั้งแต่เด็ก วิชาเรียงความต้องทำได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มทุกครั้งเลยสินะ ไม่แน่เขาอาจเป็นคนออกข้อสอบเรื่องเพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์ที่ผมสอบครั้งก่อนก็ได้”
“…”
อู๋หย่งกล่าวเสียงค่อย “คุณหมายความว่า บทวิจารณ์ของอาจารย์จางฉียังตีความได้ลึกซึ้งไม่พอเหรอ หรือเพลงนี้ยังมีความหมายที่ลึกลงไปอีกชั้น งั้นคุณช่วยอธิบายให้ผมฟังได้มั้ยครับ”
“ดีมากแล้วล่ะครับ ”
หลินเยวียนไม่ได้พยายามอธิบาย
บนโลกมีภาษิตกล่าวไว้ว่า มีแฮมเล็ตหนึ่งพันคนในสายตาคนหนึ่งพันคน จะตีความอย่างไรก็สุดแล้วแต่คนจะคิด ด้วยหลักการเดียวกัน ในความคิดของผู้ฟังหนึ่งพันคน จึงมีเพลงเปลี่ยนตัวเองหนึ่งพันรูปแบบ คุณฟังตามแบบฉบับที่คุณเข้าใจ ส่วนฉันก็ฟังตามความรู้สึกของฉัน
ไม่ได้มีใครผิด
หลินเยวียนอารมณ์ดีไม่เบา เพราะยอดดาวน์โหลดเพลงเปลี่ยนตัวเองนั้นพุ่งสูงถล่มทลาย เป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนปล่อยเพลงไป และยอดดาวน์โหลดทะลุหลายล้านครั้งตั้งแต่วันแรก เมื่อนำไปคำนวณเป็นส่วนแบ่งก็เป็นตัวเลขหลายหลักเลยทีเดียว!
แต่จะว่าไปแล้ว
การร่วมงานกับเฉินจื้ออวี่นั้นทำให้เขาขาดทุน ถ้าเป็นซุนเย่าหั่ว ตนจะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มอีก 1.5 หลังจากนี้ตนจะพยายามไม่ร่วมงานกับนักร้องแถวหน้า เพราะนักร้องแถวหน้าเป็นผู้ช่วยงานที่ประสิทธิภาพต่อราคาที่จ่ายต่ำที่สุด
ในตอนนั้นเอง
ไม่เพียงอู๋หย่งที่รู้สึกนับถือหลินเยวียนจนแทบนอนราบลงไปกราบกับพื้น ผู้คนทั้งบริษัทสตาร์ไลท์ บรรดาพ่อเพลงทุกชั้น ก็ถกเถียงกันอย่างคึกคักเกี่ยวกับบทเพลงนี้ที่เฉินจื้ออวี่เป็นผู้ขับร้อง
‘โหดมาก’
‘พ่อเพลงตัวน้อยพลังแข็งแกร่ง’
‘สตาร์ไลท์ได้เฉิดฉายแล้ว!’
‘เดิมทีผมคิดว่าต้องเป็นพ่อเพลงถึงจะคว้าอันดับหนึ่งได้อย่างมั่นคง นึกไม่ถึงว่าพ่อเพลงตัวน้อยของพวกเราจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ มิน่าล่ะบริษัทถึงได้ปล่อยให้เซี่ยนอวี๋ไปทำภาพยนตร์ ลูกหัวแก้วหัวแหวนระดับนี้อยากทำหนังเล่น มากเกินไปหรือ’
‘ไม่มากเกินไปเลย!’
‘เสียตังค์ไปแค่ไม่เท่าไหร่เอง’
‘เมื่อเทียบกับความสำคัญของเซี่ยนอวี๋ที่มีต่อบริษัทและผลงานที่ผ่านมาแล้ว อย่าว่าแต่เงินไม่ถึงสิบล้านหยวนเลย ต่อให้อยากได้เงินทุนทำหนังสักยี่สิบสามสิบล้าน บริษัทก็คงทำได้แต่กัดฟันตอบตกลงล่ะมั้ง เรื่องอย่างการถ่ายทำหนังก็คิดซะว่าเป็นโปรเจ็กต์บันเทิงของเซี่ยนอวี๋ไปแล้วกัน’
‘เป็นพ่อเพลงตัวน้อยที่แท้จริง’
‘ถ้าเทียบจากฝีมือการเขียนเนื้อเพลงอย่างเดียว ฉันว่าเซี่ยนอวี๋โหดกว่าพ่อเพลงซะอีก เพลงของพ่อเพลงบางทียังต้องให้คนอื่นมาเขียนเนื้อเพลงให้ มีแค่เพลงของเซี่ยนอวี๋ที่เขียนเนื้อเพลงเองทั้งหมด แถมเนื้อเพลงทุกครั้งยังเข้ากับเพลงมากด้วย’
‘…’
ถึงแม้แต่ละแผนกจะแข่งขันกัน แต่สตาร์ไลท์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ เซี่ยนอวี๋ได้หน้าก็เท่ากับสตาร์ไลท์ได้หน้า ดังนั้นตอนนี้นักประพันธ์เพลงทุกคนในบริษัทควรรู้สึกภาคภูมิใจ ครั้งนี้สตาร์ไลท์ได้พิสูจน์สถานะของพวกเขาในวงการนี้แล้ว!
……
จ้าวเจวี๋ยนึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้เช่นนี้ เธอรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยมหลังจากไปขอเพลงจากหลินเยวียนก็จริง ทว่าการปรากฏตัวของเฟ่ยหยางนั้นทำให้แผนการของเธอรวนไปหมด แต่ใครจะไปคิดว่าเฟ่ยหยางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเยวียน
“ฮ่าๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน