Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 246

ตอนที่ 246 พบกู้ซีอีกครั้ง

ผลงานใหม่ของอิ่งจือดึงดูดความสนใจ จำกัดอยู่เพียงแฟนคลับของอิ่งจือ รวมไปถึงบุคลากรในแวดวงการ์ตูน

หากมุ่งเป้าไปมองในมุมของผู้อ่านของแวดวงการ์ตูนทั้งหมด ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานใหม่ของอิ่งจือ ถูกลิขิตชะตามาให้จุดกระแสไม่ติด

บรรดาแฟนการ์ตูนทั้งหลายยังคงดื่มด่ำกับการเฝ้ารอปู้ลั่วการ์ตูนซึ่งกำลังจะเปิดตัว!

นั่นก็เพราะ…

กองทัพนักวาดการ์ตูนที่ปู้ลั่วการ์ตูนเชิญมานั้นอลังการงานสร้างซะเหลือเกิน!

ผลงานใหม่ของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังก็ล้วนควรค่าแก่การรอคอยทั้งนั้น!

เมื่ออิ่งจือเข้าไปผสมโรงในรายชื่อนี้จึงไม่ได้เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด

ถึงขั้นที่ไม่มีใครสนใจนักวาดบริสุทธิ์คนนี้ด้วยซ้ำไป

และเมื่อบรรยากาศนี้อัดแน่นไปจนถึงวันที่เก้า ความคึกคักและคาดหวังทั้งหมดก็ระเบิดออกมาพร้อมกับช่วงเวลาที่แพลตฟอร์มเปิดตัว!

พรึ่บๆๆ

ผู้อ่านการ์ตูนนับไม่ถ้วนกรูกันไปยังเว็บไซต์การ์ตูนซึ่งเพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ของปู้ลั่ว!

แต่ว่า…

ในช่วงเวลาเช่นนี้เอง หลินเยวียนกลับไม่ได้กระวนกระวายหรือสนใจสถานการณ์ของตน

เขาส่งต่อหน้าที่อัปโหลดเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ให้กับหลัวเวยซึ่งเป็นผู้ช่วย

เพราะวันที่ 1 กันยายนไม่ได้เป็นเพียงวันที่ปู้ลั่วเปิดตัวแพลตฟอร์มการ์ตูนใหม่ ขณะเดียวกัน…

ก็เป็นวันที่วิทยาลัยศิลปะฉินโจวเปิดเรียนเช่นเดียวกัน

ถึงแม้หลินเยวียนจะเริ่มต้นโหมดลาเรียนอย่างไม่จำกัดเวลาตั้งแต่ภาคเรียนที่สองของปีสาม แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกของปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย

ในชั้นเรียน

เพื่อนร่วมชั้นกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง ทุกคนมีท่าทีเป็นมิตรและกระตือรือร้น แลดูประหนึ่งเฝ้ารอการเริ่มต้นของปีการศึกษาใหม่

หลินเยวียนก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมชั้น และยังคงได้รับการปฏิบัติด้วยความเอ็นดูจากเพื่อนๆ เฉกเช่นที่ผ่านมา

มหาวิทยาลัยบนบลูสตาร์ใช้เวลาเรียนห้าปี

ทว่าในความจริงแล้ว เมื่อถึงชั้นปีที่สี่ ทุกคนก็แทบจะไม่มีวิชาเรียนแล้ว

มหาวิทยาลัยไม่ได้เข้มงวดกับนักศึกษาปีสี่

ไม่อยู่ในหอพักก็ไม่มีใครตามตรวจตรา

นักศึกษาจะไม่พักในหอพักของมหาวิทยาลัย แล้วย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ได้ จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็ไม่ค่อยมีใครเช็กชื่อ อย่าสอบตกนับว่าเป็นอันเพียงพอ

ในยุคสมัยนี้ ขอเพียงทบทวนบทเรียนอย่างตั้งใจ นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่สอบตกหรอก

ในชั้นปีที่สี่ การเข้าเรียนเทียบไม่ได้กับการทำกิจกรรมภาคปฏิบัติ

ส่วนปีห้า…

ปีห้าคือนักศึกษาซึ่งเตรียมตัวเรียนจบ

ไม่ว่านักศึกษาจะหาสถานที่ฝึกงาน หรือเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง มหาวิทยาลัยก็ล้วนสนับสนุน

ตัวอย่างเช่นผู้ช่วยของหลินเยวียนอย่างหลัวเวยก็เป็นนักศึกษาปีห้าของวิทยาลัยศิลปะฉินโจว

วันนี้เธอไม่ได้มาที่วิทยาลัยด้วยซ้ำ

หลังจากนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องแวะเวียนมาที่วิทยาลัยบ่อยๆ เธออาจงานยุ่งเล็กน้อยเมื่อต้องทำปริญญานิพนธ์

ตอนนี้นับได้ว่าเธอทำงานให้กับหลินเยวียนอย่างเต็มตัว และนับว่าได้กลายเป็นคนวัยทำงานกึ่งหนึ่งแล้ว

ที่บอกว่ากึ่งหนึ่งก็เพราะว่าเธอยังไม่รับปริญญาจากวิทยาลัยศิลปะฉินโจวอย่างเป็นทางการ

แต่หลินเยวียนก็มีแผนการสำหรับช่วงเวลาปีสี่ของเขาแล้ว

เงื่อนไขแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ…

ตอนปีสี่เขาจะลาเรียนบ่อยครั้งกว่าเดิมอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรปีสี่ก็มีวิชาเรียนน้อย แถมกระจัดกระจาย หากจะลาเรียนก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเท่าตอนอยู่ปีสาม

นอกจากนั้น…

ในตอนนี้หลินเยวียนไม่มีเวลาไปขลุกอยู่ที่ชมรมจิตรกรรมแล้ว

ไม่เพียงหลัวเวยที่ขึ้นปีห้า

รุ่นพี่ที่หลินเยวียนคุ้นเคยที่สุดในชมรมจิตรกรรมอย่างจงอวี๋ก็ขึ้นปีห้าเช่นเดียวกัน

ขึ้นปีห้าแล้ว หลังจากนี้จงอวี๋ก็คงไม่ได้โผล่มาให้เห็นหน้าค่าตาที่ชมรมจิตรกรรมบ่อยนัก

สำหรับหลินเยวียน ชมรมจิตรกรรมที่มีคนรู้จักน้อยลง ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป

อย่างไรชมรมจิตรกรรมที่เขาคุ้นเคย ก็คือช่วงเวลาที่มีรุ่นพี่จงอวี๋อยู่เป็นหลัก

……

แม้ว่าใบหน้าที่พอจะรู้จักมักคุ้นในชมรมจิตรกรรมจะน้อยลงไปมาก แต่หลินเยวียนยังคงแวะเวียนไปดูสักรอบด้วยความรู้สึกคิดถึง

เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉะนั้นคนในชมรมจิตรกรรมจึงไม่มากเท่าช่วงปกติ

ทว่าคนที่รู้จักหลินเยวียน ยังคงมีอยู่ไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน