ตอนที่ 254 เรื่องการประพันธ์เพลงไม่มีใครเก่งไปกว่าอาจารย์อีกแล้ว
บนโลกที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตและพัฒนาเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาในการเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์ซึ่งถูกกำหนดไว้นั้นไม่ได้ยาวนานแต่อย่างใด แน่นอนว่า หากจะบอกว่าดำเนินการสำเร็จในเวลาเพียงไม่กี่วันก็คงเกินจริงไปหน่อย
เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงใช้เวลาช่วงนี้ รับลูกศิษย์คนที่สอง
นี่คือภารกิจรับลูกศิษย์นักประพันธ์เพลงของระบบ
ลูกศิษย์คนที่สองมาจากชั้นเก้า แผนกประพันธ์เพลง
นี่เป็นแคนดิเดตจากในรายชื่อนักประพันธ์เพลงหน้าใหม่ที่มีศักยภาพซึ่งกู้ตงส่งให้หลินเยวียน มีชื่อว่าเฟิงซั่ว
เหตุผลที่เลือกเฟิงซั่วนั้นแสนเรียบง่าย…
เพราะนักประพันธ์เพลงรุ่นเยาว์คนนี้มีศักยภาพสูงมากน่ะสิ!
คนคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัท ก็เขียนเพลงที่ทำยอดดาวน์โหลดได้ไม่เลวออกมาถึงสองเพลงแล้ว
ถึงขั้นที่มีคนแอบเรียกเฟิงซั่วว่า ‘เซี่ยนอวี๋น้อย’ ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพสูงแค่ไหน
ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเยวียนรับเซวียเหลียงเป็นลูกศิษย์ ค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียงเพิ่งสี่ร้อยต้นๆ นับได้เพียงว่าพอมีพื้นฐาน
แต่ค่าความสามารถของชั่วเฟิงกลับสูงถึง 553 เชียวนะ!
เมื่อค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงแตะถึงหกร้อย ก็เท่ากับว่าแตะถึงมาตรฐานนักประพันธ์เพลงมือทองแล้ว…
พื้นฐานดีขนาดนี้ก็สอนง่ายใช่ไหมล่ะ
มิน่าล่ะบรรดาผู้อาวุโสในวงการศิลปะถึงชอบหาต้นกล้าพันธุ์ดีมาเป็นลูกศิษย์
เพราะต้นกล้าพันธุ์ดีสอนง่ายไงล่ะ!
หลินเยวียนต้องการใช้ประโยชน์จากตัวตนของตนในการเจาะช่องโหว่ของระบบ หานักประพันธ์เพลงหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์สูงสุดมา จากนั้นก็ผลิตลูกศิษย์ระดับมือทองคนที่สองออกมาด้วยความเร็วสูงสุด
เช่นนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำภารกิจได้มาก
แต่ถึงอย่างนั้น ข้อเสียของต้นกล้าชั้นดีก็คือมีความทะนงตน
แน่นอนว่าเฟิงซั่วไม่กล้ามีท่าทางดื้อรั้นต่อหน้าหลินเยวียนหรอก
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่หลินเยวียนเป็นหัวหน้าของชั้นเก้า ลำพังชื่อเซี่ยนอวี๋ก็มากพอที่จะข่มให้เจ้าหนูนักประพันธ์เพลงเปี่ยมพรสวรรค์อย่างเฟิงซั่วหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
แต่ว่า…
เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเยวียน ภายนอกเฟิงซั่วแสดงท่าทางสุภาพนอบน้อม ทว่าในใจคิดอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กล่าวโดยสรุป
สำหรับเรื่องที่หลินเยวียนต้องการรับตนเป็นศิษย์ เฟิงซั่วดีใจมาก!
อย่าได้เข้าใจผิดไป
เฟิงซั่วไม่ได้ดีใจเพราะจะได้รับการสอนจากเซี่ยนอวี๋ เขาเป็นนักประพันธ์เพลงมากพรสวรรค์ที่หยิ่งทะนง และไม่คิดว่าเซี่ยนอวี๋จะสอนอะไรตนได้
สิ่งที่ทำให้เขาดีใจก็คือ…
ตนได้เป็นลูกศิษย์ของเซี่ยนอวี๋ หลังจากนี้เขาจะได้เป็นบุคลากรอันดับหนึ่งของแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้าน่ะสิ!
เมื่อประกาศตัวออกไปว่าฉันคือลูกศิษย์ของตัวแทนหลิน ใครจะไม่ยอมเขาบ้างล่ะ
นี่เป็นจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดที่เขาอยากเป็นลูกศิษย์คนที่สองของหลินเยวียน
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เฟิงซั่วไม่คิดไม่ฝันเลยก็คือ…
ผ่านไปไม่นาน ก่อนที่เขาจะเกิดความเคารพอาจารย์ของตนประดุจเทพเจ้า!
วันนั้นเป็นวันที่ 1 ตุลาคมพอดี
บนโลกนี้ไม่มีการเฉลิมฉลองวันชาติ วันที่ 1 ตุลาคมเป็นเพียงวันแรกของเดือนธรรมดา
เฟิงซั่วเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินเยวียน เอ่ยเรียกอาจารย์อย่างเกรงอกเกรงใจ
“ครับ เริ่มเรียนแล้วแล้วกันนะครับ นี่เป็นคาบแรกที่ผมจะสอน…”
หลินเยวียนเอ่ย
ขณะที่พูดอยู่นั้น หลินเยวียนก็เปิดใช้งานการ์ดตัวละคร ‘หยางจงหมิง’ ห้วงมหรรณพแห่งความรู้ด้านการประพันธ์เพลงพรั่งพรูเข้าสู่สมองของหลินเยวียนในชั่วพริบตา
ขณะเดียวกัน เอฟเฟ็กต์อาจารย์ก็เข้าปกคลุมเฟิงซั่ว
ตอนนี้ประสิทธิภาพของเอฟเฟ็กต์อาจารย์ของหลินเยวียนนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาสอนเซวียเหลียงเสียอีก!
หลังจากนั้น เฟิงซั่วก็เห็นว่าอาจารย์ฟ้าประทานที่ดูเหมือนจะสอนอะไรไม่ได้ ก็คล้ายกับว่าจะเปลี่ยนไป…
จู่ๆ เขาก็รู้สึกตกประหม่าขึ้นมา
เขาถึงขั้นไม่กล้าเงยหน้ามองหลินเยวียนตรงๆ เช่นเดียวกับตอนที่เพิ่งเดินเข้าห้องมา
ประหนึ่งว่าการเงยหน้ามองเขาตรงๆ จะเป็นการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง
นับแต่นี้
เฟิงซั่วซึ่งพอมีหน้ามีตาในวงการประพันธ์เพลงอยู่แล้ว เมื่อต้องเอ่ยถึงอาจารย์ในตำนานท่านนี้ กลับไม่สามารถสรรหาคำมาบรรยายความรู้สึกของตนได้
เขารู้เพียงว่า ในวันนั้น เขาได้ผ่านคาบเรียนประพันธ์เพลงซึ่งให้ความรู้สึกประหนึ่งพิธีศีลจุ่มก็มิปาน
ระหว่างการบรรยาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน