ตอนที่ 267 วันโลกาพินาศของนักพนัน
บนโลกใบเดียวกัน ในค่ำคืนเดียวกัน
ในฐานะหนึ่งในพ่อเพลงซึ่งได้รับการยอมรับในวงการดนตรี เยี่ยจือชิวซึ่งกำลังกระหายชัยชนะก็ฟังเพลงของฤดูกาลใหม่ซึ่งเพิ่งปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ ด้วยความสนอกสนใจ
เช่นเดียวกับเฟ่ยหยาง
เยี่ยจือชิวก็ฟังเพลงโลกใหม่ของเฟ่ยหยางเช่นเดียวกัน
นี่เป็นบทเพลงที่อิ่นตงเป็นผู้ประพันธ์
ถึงอย่างไร นอกจากตนแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นถึงนักประพันธ์เพลงระดับพ่อเพลงอีกหนึ่งคนในรายการนี้ แม้คำนำหน้าของทั้งสองจะไม่ต่างกัน ทว่าจากคำวิจารณ์ของผู้คนในวงการแล้ว อิ่นตงนั้นเหนือกว่าเขามาโดยตลอด
ใช้เวลาไม่กี่นาที
เมื่อฟังเพลงของอีกฝ่ายจบ เยี่ยจือชิวเงียบงันไปสักพัก ก่อนจะกดเล่นเพลงตะวันฉาย
เพลงที่ทำให้เจิ้งจิงถอยให้ได้ คงจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ครั้งนี้เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงแนวไหนกันนะ
เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ
บทเพลงเริ่มต้นบรรเลง
แรกเริ่มเดิมทีสีหน้าของเยี่ยจือชิวแลดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อฟังไปได้สิบกว่าวินาที คิ้วของเขาก็ค่อยๆ เลิกขึ้น จนเห็นรอยย่นบนหน้าผากอย่างชัดเจน แววตาของเขาคล้ายกับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเสียงของนักร้องเริ่มต้นขึ้น
ความประหลาดใจก็ยิ่งทวีคูณ
หลังจากฟังทั้งเพลงจนจบ สีหน้าของเยี่ยจือชิวก็หม่นลงเล็กน้อย ระคนกับความรู้สึกซับซ้อน หลังจากนั้นไม่รู้ว่าฉุกคิดอะไรขึ้นได้ จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสาย
“ฮัลโหล”
เสียงจากปลายสายฟังดูเหนื่อยล้า ฟังออกว่าในน้ำเสียงเจือปนความไม่สบอารมณ์
เป็นเสียงของคู่ปรับเก่าอย่างอิ่นตง “ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอนอีกเหรอครับ โทรมารบกวนผมแบบนี้หมายความว่าไง”
“ฟังเพลงหรือยัง”
เยี่ยจือชิวไม่ได้สนใจความขุ่นเคืองของอีกฝ่าย
เสียงของอิ่นตงกลับมาเรียบเฉยเฉกเช่นยามปกติ “จะฟังวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับ หรือว่าครั้งนี้เพลงที่คุณเขียนดีกว่าของผม ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนโทรมาคุยโม้กับผมแบบนี้หรอก เราสองคนตอนนี้สิบสองต่อห้า ผมชนะคุณมาสิบสองครั้ง”
“ตอนนี้สิบสามต่อห้า”
เยี่ยจือชิวกล่าวกลั้วหัวเราะ ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด “คุณชนะอีกแล้ว แต่คุณก็แพ้แล้วเหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือเราแพ้ด้วยกันทั้งคู่”
พูดจบ เยี่ยจือชิวก็วางสาย
เขาเชื่อว่า อีกฝ่ายจะโทรกลับมาทันที
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับต่างจากที่เยี่ยจือชิวคาดไว้
เวลาผ่านไปกว่าห้านาที อิ่นตงก็โทรกลับมา ประโยคแรกที่เขาพูดก็คือ “ผมน่าจะเสียเงินหนึ่งหยวนแล้วล่ะ”
เยี่ยจือชิวกล่าวอย่างหัวเสีย “ผมหมดไปร้อยหยวน”
อิ่นตงเอ่ย “เพลงนี้เขียนได้ไม่เลวเลย…เซี่ยนอวี๋ ไม่เลว”
เยี่ยจือชิวสูดลมหายใจเข้าลึก “คุณรู้หรือเปล่าว่าปีนี้เซี่ยนอวี๋อายุเท่าไหร่”
“อายุเท่าไหร่ครับ”
“ว่ากันว่าตอนนี้เขายังเรียนไม่จบมหา’ลัยเลย!”
“เป็นไปไม่ได้!”
อิ่นตงแทบโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
เยี่ยจือชิวส่ายหน้า “ผมเองก็ไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้เจิ้งจิงเป็นคนบอกเอง”
เมื่อเยี่ยจือชิวเอ่ยประโยคนี้จบ ปลายสายก็เงียบไป ราวกับกำลังย่อยข้อมูลอยู่
ผ่านไปเนิ่นนาน กว่าอิ่นตงจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มีลู่เซิ่งอีกคนหนึ่งหรือ…”
ลู่เซิ่ง หนึ่งในพ่อเพลงของบลูสตาร์
โด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย อายุ 22 ปีก็ได้เป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง อายุ 32 ปีก็คว้าแชมป์สิบสองรายการรวด กลายเป็นพ่อเพลง ทำสถิติพ่อเพลงที่อายุน้อยที่สุดบนบลูสตาร์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดอัจฉริยะจากวงการประพันธ์เพลงของบลูสตาร์!
และในตอนนี้
คล้ายกับว่าจะมีคนกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
เยี่ยจือชิวเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ยังไม่แน่หรอก แต่เขามีศักยภาพ ผมถึงได้โทรมาหาคุณตอนดึกดื่นป่านนี้ คนรุ่นใหม่ในตอนนี้เก่งขึ้นเรื่อยๆ คนแก่อย่างพวกเราถ้าจะตายก็ตายไปด้วยกันนี่แหละ”
“น่าสนใจ”
อิ่นตงไม่ได้สนใจคำเสียดสีของเยี่ยจือชิว เพียงแค่เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าในตอนนี้อิ่นตงกำลังคิดอะไรอยู่
……
พ่อเพลงและราชาเพลงสามารถประเมินแนวโน้มของเพลงได้จากความประทับใจแรกต่อบทเพลง
บางทีบุคลากรในวงการซึ่งมีความสามารถในสายอาชีพค่อนข้างสูงสามารถประเมินออกมาอย่างคล้ายคลึงกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน