ตอนที่ 392 เจ้าแก่เซี่ยนอวี๋
สิ่งที่เรียกว่าวิจารณ์ผ่านคำพูดและปลายปากกา สิ่งแรกหมายถึงคำก่นด่าของผู้ชมในโรงฉาย ส่วนสิ่งต่อมาหมายถึงผู้คนหยิบโทรศัพท์มือถือของพวกเขาออกมาและเขียนระบายความรู้สึกออกมาในรูปแบบของคำวิจารณ์ภาพยนตร์
แต่ว่า…
เมื่อผู้ชมซึ่งกำลังโกรธแค้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ และกำลังจะกล่าวหาเซี่ยนอวี๋ว่า ‘หลอกลวง’ นิ้วมือของพวกเขาซึ่งกำลังจะแตะบนหน้าจอก็ชะงักไปเล็กน้อย
พวกเขาควรกล่าวโทษเซี่ยนอวี๋ที่ผลิตภาพยนตร์เศร้าเช่นนี้ออกมาหรือ?
เห็นได้ชัดว่าไม่ควร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า?
เห็นได้ชัดว่าไม่มี
หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก็ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้ชมที่กำลังเดือดดาล ก็ไม่สามารถหาจุดบกพร่องมาตำหนิได้
นั่นเป็นการทรยศภาพยนตร์ที่ดี
ความรักที่พวกเขามีต่อภาพยนตร์นั้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และความประทับใจที่มีต่อการรอคอยนับสิบปีนั้นก้าวข้ามความโกรธเคืองทั้งหมด เพียงแต่ความโศกเศร้านั้นอบอวลไปทั่วจนไม่สามารถถอนตัวออกได้ และยังคงไม่จางหายไปภายในเวลาอันสั้น
ที่แท้นี่ก็คือความเป็นที่สุดของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู
ที่สุดของ…
ความหดหู่
‘เดินเข้าไปดูผลงานชิ้นใหม่ของเซี่ยนอวี๋ด้วยความสดใส เตรียมชำระล้างความเศร้าผ่านความอบอุ่นและการเยียวยาจิตใจ แต่ดันกลายเป็นหนังที่ทำให้ร้องไห้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี่มือก็สั่น พิมพ์ไปลบไป เอางี้ก็แล้วกัน บางทีนี่อาจเป็นหนังเรื่องเดียวที่ฉันชอบมากแต่ไม่กล้าไปดูเป็นครั้งที่สอง’
บนสตาร์เน็ต เว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง
ความคิดเห็นนี้คล้ายกับเป็นกุญแจสำคัญ ปลดล็อกให้พื้นที่แสดงความคิดเห็นของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู กลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนเศร้า
‘บางทีศาสตราจารย์อันอาจรอเสี่ยวปาที่ประตูสวรรค์มานานแล้วก็ได้นะ’
‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋ ยกโทษให้ผมด้วยนะที่ตอนนี้คุณกลายเป็นเจ้าแก่เซี่ยนอวี๋แล้วสำหรับผม ทำไมคุณถึงต้องทำหนังออกมาดีขนาดนี้ด้วย ทำเอาคนที่ชอบแซวคนอื่นเวลาดูหนังแล้วร้องไห้ต้องร้องไห้เหมือนหมาเลยเนี่ย’
‘หลังจากที่คุณจากไป ชีวิตที่เหลือของฉันมีไว้ให้คุณ’
‘ผมเชื่อว่าคืนที่เสี่ยวปาจากไปไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสุข เพราะศาสตราจารย์อันนั่งรถไฟจากสวรรค์มารับมันกลับไป’
‘ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมชอบจางซิ่วหมิงขนาดไหน แต่รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมผมขอยกให้เสี่ยวปา’
‘หลังจากเสี่ยวเฮยตาย หัวใจของคุณนายอันก็หายไปเสี้ยวหนึ่ง หลังจากศาสตราจารย์อันตาย เสี่ยวปาก็อุทิศทั้งชีวิตที่เหลือให้’
‘ฉันรู้สึกว่าน้ำตาที่สะสมมาตลอดหลายปีของฉันจะไหลหมดในวันนี้นี่แหละ’
‘ฉันคาดหวังสุดๆ เลยว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเหมือนที่ทุกคนพูดกัน ทั้งอบอุ่นเยียวยาจิตใจ ทั้งเป็นการเกื้อกูลกันระหว่างมนุษย์และสุนัข เพราะงั้นตอนที่ศาสตราจารย์อันตายไป ฉันเลยสัมผัสได้ว่าเสี่ยวปาคล้ายว่าจะโดดเดี่ยวไปชั่วนิรันดร์’
‘…’
เหล่าโจวซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้านอนกดรีเฟรชความคิดเห็นบนเว็บไซต์สตาร์เน็ตครั้งแล้วครั้งเล่า
เดิมทีเขากำลังยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
แต่ยิ้มอยู่ดีๆ จู่ๆ เขาก็จุดบุหรี่มวนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
ภายใต้แสงสลัวของไฟแช็กระคนแสงไฟหน้าคอมพิวเตอร์ รอยยิ้มของเขาดูฝืนเหลือเกิน
นี่เป็นบุหรี่มวนสุดท้าย เหล่าโจวคิดในใจ
อันที่จริงเหล่าโจวเลิกบุหรี่ตั้งแต่ยังหนุ่ม เพียงแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับทำให้เขาสูบบุหรี่มากเหลือเกิน เมื่อใดที่ไม่มีนิโคตินผ่านปอดและนำมาซึ่งความรู้สึกชา เขากลัวว่าตนจะทนไม่ไหว
……
และบนเว็บบอร์ดสักแห่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน