Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 41

สรุปบท ตอนที่ 41 เช่าห้อง: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 41 เช่าห้อง – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 41 เช่าห้อง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 41 เช่าห้อง

ช่วงสายของวันถัดมา

หลินเยวียนโทรศัพท์หาจ้าวเจวี๋ย บอกกล่าวความคิดของตนว่าจะออกไปเช่าห้องข้างนอก

พี่จ้าวเป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนก็มาก ฉะนั้นหลังจากที่หลินเยวียนเกิดความคิดจะออกไปเช่าห้องข้างนอก คนแรกที่อยากไหว้วานก็คือจ้าวเจวี๋ย

ถ้าลำพังตนเองหาละก็ น่ากลัวว่าจะต้องวุ่นวายอยู่นานโขทีเดียว

“เช่าบ้าน?”

จ้าวเจวี๋ย “เธออยากได้ห้องแบบไหนไหม”

หลินเยวียนตอบ “ค่าเช่าถูกหน่อยครับ”

จ้าวเจวี๋ยเงียบไปสองวินาที “นอกจากค่าเช่าถูกล่ะ”

หลินเยวียนลองพูดเสริม “ของดีราคาเป็นมิตรครับ”

จ้าวเจวี๋ย “…”

หรือว่าฉันอ่านหนังสือน้อย?

นั่นก็หมายความว่าราคาถูกเหมือนกันไม่ใช่หรอกเหรอ?

จ้าวเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “งั้นเธอก็มาหาถูกคนแล้ว ฉันมีห้องชุดหนึ่งอยู่ใกล้วิทยาลัยพวกเธอ เดี๋ยวฉันจะให้คนเอากุญแจมาให้ ค่าน้ำค่าไฟเธอจ่ายเองก็พอ ค่าเช่าฟรี ราคาถูกพอแล้วใช่มั้ย”

“ไม่ได้หรอกครับ”

หลินเยวียนบอก “ต้องจ่ายค่าเช่าด้วย”

จ้าวเจวี๋ยพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ห้องปล่อยว่างไปก็เปล่าประโยชน์ ฉันไม่ได้อยากให้ใครเช่าอยู่แล้ว ถึงยังไงก็ได้ค่าเช่าไม่เท่าไหร่ ไม่สู้ให้เธออยู่ดีกว่าเหรอ เธออย่ามองฉันเป็นคนอื่นคนไกลสิ ไม่งั้นฉันจะโกรธนะ”

“ครับ”

หลินเยวียนครุ่นคิด ก่อนจะตอบตกลง “งั้นต่อไปพี่อยากได้เพลงก็อย่าลืมมาหาผมนะ”

พี่จ้าวสัพยอก “ทำไม เธอยังมีมวลผกายามคิมหันต์ออกมาได้อีกเหรอ”

หลินเยวียนจมอยู่ในภวังค์

กุหลาบแดงจัดว่าเป็นมวลผกายามคิมหันต์ได้มั้ยนะ

จ้าวเจวี๋ยหัวเราะร่า “เอาละ ไม่แกล้งเธอแล้ว ฉันไปทำงานก่อน ตอนเย็นเธอเอากุญแจไปเปิดห้องดู ด้านในมีข้าวของเครื่องใช้ครบ รับประกันว่าเธอย้ายเข้าคืนนี้ได้เลย แล้วเดี๋ยวฉันจะหาคนทำความสะอาดให้”

ทำความสะอาด?

หลินเยวียนรีบบอกไปว่า “ผมเก็บกวาดเองได้ครับ”

จ้าวเจวี๋ยไม่ได้ต่อปากต่อคำ “ตามนั้น ฉันวางสายก่อนนะ”

“อื้อ”

เมื่อจบบทสนทนากับหลินเยวียน

จ้าวเจวี๋ยก็ต่อสายโทรศัพท์อีกครั้ง

น้ำเสียงของเธอกลับมาแข็งกร้าวดังเดิม “ขอโทษลูกค้าไป บอกว่าห้องสวนอู๋ถงของฉันไม่คิดจะปล่อยเช่าแล้ว”

“อะไรนะ”

อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็ร้อนรนขึ้นมา “พี่ พี่ไม่พอใจราคาเหรอ คนเขาดูห้องแล้วก็ตกลงยินดีจ่ายค่าเช่าหนึ่งหมื่นห้าทันทีเลย ราคานี้ต่อให้เป็นสวนอู๋ถงก็ไม่ใช่ถูกเลยนะ…เอางี้ พี่ไม่ต้องกังวลไป เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ฉันจะไปคุยกับลูกค้า พวกเราขึ้นค่าเช่าอีกสักหมื่นก็ได้!”

“ไม่ต้อง”

จ้าวเจวี๋ยเอ่ยเสียงเรียบ “จะเท่าไหร่ก็ไม่ปล่อยเช่าแล้ว ฉันจะให้ลูกฉันอยู่แล้ว เดี๋ยวต่อไปเขาซื้อห้องของตัวเองได้แล้วเธอค่อยช่วยฉันปล่อยเช่าก็แล้วกัน”

“…งั้นก็ได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น ปลายสายก็จนคำพูด คนเขาจะเก็บห้องไว้ให้ลูกอยู่ จะไปพูดอะไรได้ล่ะ

หลินเยวียนย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้

หลังจากคุยโทรศัพท์กับพี่จ้าวเสร็จ เขาไปหาซย่าฝานกับเจี่ยนอี้ และบอกเพื่อนสนิททั้งสองเกี่ยวกับเรื่องที่จะออกไปอยู่ข้างนอก

“ออกไปอยู่ข้างนอก?”

ซย่าฝานพูดด้วยความเป็นห่วง “นายออกไปอยู่คนเดียวจะได้เหรอ”

เจี่ยนอี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น “ไม่งั้นฉันไปคุยกับที่บ้าน แล้วออกไปอยู่เป็นเพื่อนนายดีมั้ย?”

หลินเยวียนร่างกายไม่แข็งแรง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วรอบตัวไม่มีคนคอยดูแลจะเป็นอันตรายมาก

หลินเยวียนพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้เป็นเด็กอ่อนซะหน่อย”

จากที่ระบบบอก อย่างน้อยก่อนที่อายุจะถึงยี่สิบเจ็ดปี หลินเยวียนก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะตาย

“งั้นก็ได้”

ทั้งสองคนใคร่ครวญอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เย็นนี้พวกเราไปช่วยนายทำความสะอาด ถ้านายออกไปอยู่ข้างนอก ก็ต้องติดต่อพวกเราให้มากหน่อย”

หลินเยวียนพยักหน้า

หลินเยวียนอธิบาย ในตอนนั้นในใจก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

“สมแล้วที่พวกเราเอ็นดูนายที่สุด”

เจียนอี้และซย่าฝานพยักหน้า ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง นับว่าพวกเขาเชื่อคำพูดของหลินเยวียน

ที่บอกว่า ‘ถูกเจ้านายเลี้ยง’ ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น

แม้ว่าหลินเยวียนจะชื่นชอบเงิน แต่ก็รู้ขีดจำกัด

อีกทั้งนิสัยของหลินเยวียนก็ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดี ฉะนั้นชีวิตเขาจึงมีชะตาต่อคนที่มาดีเสมอ

นี่อาจเกี่ยวกับที่หลินเยวียนมีหน้าตาหล่อเหลามาตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อเห็นหน้าเขาแล้วคนก็ย่อมรู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาอีกหลายส่วน

บนโลกนี้มีคนที่ลำพังแค่หน้าตาก็ทำให้คนชื่นชอบได้แล้ว บวกกับที่หลินเยวียนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด จึงได้รับการดูแลเป็นพิเศษเสมอมา ถึงแม้ระดับของการดูแลในครั้งนี้จะใหญ่โตเกินไปสักหน่อยก็เถอะ

“ฉันตัดสินใจแล้ว!”

เจี่ยนอี้เดินเตร่รอบห้องอย่างสำราญใจ จากนั้นก็ชี้ไปยังห้องนอนข้างห้องหนึ่ง “ต่อจากนี้ห้องนอนห้องนี้เป็นของฉัน ฉันจะมาขอพักฟรีบ้างเป็นครั้งคราว”

“งั้นฉันอยู่อีกห้อง”

ซย่าฝานชี้ไปยังห้องที่สาม

ห้องนอนหลักใหญ่ที่สุด แต่ห้องนอนข้างอีกสองห้องก็กว้างขวางเช่นกัน

หลินเยวียนโทรศัพท์บอกกล่าวกับจ้าวเจวี๋ย หลังจากได้รับคำยินยอมแล้ว ก็พยักหน้าเอ่ย “งั้นก็กุญแจคนละดอก”

หลินเยวียนมีกุญแจทั้งหมดสามดอก แบ่งได้ลงตัวพอดี

ทั้งสองไม่ได้เกรงใจ ต่างคนต่างรับกุญแจมาทันที

สามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี เรื่องพวกนี้ไม่ได้มองกันเป็นคนอื่นไกล

“งั้นพวกเราเริ่มทำความสะอาดกันเถอะ”

เจี่ยนอี้เห็นห้องนี้ก็รู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมา

ทว่าข้อเสียของห้องชุดขนาดใหญ่ก็คือจะค่อนข้างเปลืองแรงตอนทำความสะอาด ต่อให้สามคนแบ่งงานกันทำ ก็ยังวุ่นวายอยู่สองชั่วโมงกว่ากว่าจะเก็บกวาดเสร็จ

“เย็นนี้ไม่กลับแล้ว นอนที่นี่แหละ”

ทั้งสามคนเหงื่อโซมกาย ไม่มีกะจิตกะใจจะกลับวิทยาลัย ถึงอย่างไรในตู้ของแต่ละห้องก็มีผ้าห่มผืนใหม่ นอนมันซะที่นี่ก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน