Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 452

ตอนที่ 452 รายการที่เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์

หลินเยวียนกลับมายังห้องรับรอง

การแข่งขันบนเวทียังคงดำเนินต่อไป

นักร้องคนที่สี่มีชื่อว่า ‘จอมเวท’ นักร้องคนนี้สวมเสื้อคลุมสีดำ แม้แต่หน้ากากยังเป็นสีดำ

เห็นได้ชัด

ว่านักร้องสามคนแรกนั้นขับความธรรมดาของหน้ากากจอมเวทออกมา

เสียงตอบรับของผู้ชมหลังจากที่เขาร้องเพลงจบนั้นธรรมดาเหลือเกิน และคำวิจารณ์ของคณะกรรมการตัดสินก็ยุติธรรม

ที่จริงแล้วจอมเวทฝีมือไม่ได้แย่

เขาเพียงแต่รับเวทีต่อไม่ไหว ได้รับผลกระทบจากลำดับการแสดง จึงไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้เต็มร้อย

นักร้องคนที่ห้ามีชื่อว่า ‘หมูน้อยฉีฉี’

นี่คือหนึ่งในตัวละครในนิทานจากฉินโจวเรื่องลูกหมูสามตัว

นักร้องแต่งกายเป็นลูกหมูน่ารัก เสียงผู้หญิงมีสไตล์โดดเด่น ทันทีที่เธอเปล่งเสียง ผู้ชมหลายคนก็หัวเราะออกมาอย่างเข้าใจกัน

“นี่คือเสียงของหลูอวี่เหมิง”

ถงถงซึ่งอยู่ในห้องรับรองโพล่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นี่คือชื่อของนักร้องแถวหน้าคนหนึ่งจากฉินโจว

มักจะมีนักร้องบางคนที่ไม่สามารถเก็บซ่อนเสียงของตนเองไว้ได้ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทักษะการร้องเพลง

สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อถึงช่วงสนทนา หมูน้อยฉีฉียืนกรานว่าตนไม่ใช่หลูอวี่เหมิง

“มีหลายคนบอกว่าเสียงของฉันคล้ายกับอาจารย์หลูอวี่เหมิงมาก…”

คำพูดนี้ทำให้คณะกรรมการประเมินไม่มั่นใจเช่นกัน เพราะหมูน้อยฉีฉีอาจปรับเสียงของตน จนฟังดูเหมือนกับหลูอวี่เหมิง ทว่าแตกต่างจากเสียงของหลูอวี่เหมิงเล็กน้อย

นี่คือหนึ่งในความน่าสนใจของรายการราชาหน้ากากนักร้อง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คณะกรรมการตัดสินไม่ได้ชื่นชมหมูน้อยฉีฉีมากนัก

แต่ผู้ชมกลับคิดว่าหมูน้อยฉีฉีนั้นน่ารักมาก!

หลังจากนั้น ถึงคราวของนักร้องคนที่หก ขณะเดียวกันก็เป็นผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายในตอนที่หนึ่งของรายการ

นักร้องคนนี้มีชื่อว่าวณิพกพเนจร เครื่องแต่งกายมีศิลปะมาก เพลงที่ร้องก็มีศิลปะเช่นเดียวกัน…

ผลลัพธ์นั้นตรงข้ามกับหลูอวี่เหมิง

คำวิจารณ์ที่คณะกรรมการตัดสินมีต่อวณิพกพเนจรนับว่าใช้ได้ แต่ปฏิกิริยาของผู้ชมดูเหมือนจะค่อนข้างธรรมดา

แปลกมากหรือ?

ไม่แปลกเลยสักนิด

คณะกรรมการตัดสินพิจารณาจากมุมมองของมืออาชีพ ซึ่งเกี่ยวโยงไปในหลายแง่มุม และเป็นการประเมินที่ค่อนข้างรอบด้าน

อย่างไรก็ตาม ผู้ชมไม่ได้มีความรู้เฉพาะทาง พวกเขาเพียงแค่ตัดสินว่าตนเองชอบเพลงหรือไม่จากทำนองเพลง

เมื่อเทียบกันแล้ว ความคิดเห็นของคณะกรรมการประเมินนั้นมีหลากหลายกว่า

ยกวณิพกพเนจรเป็นตัวอย่าง

มีคนที่ชื่นชอบวณิพกพเนจร และมีคนที่รู้สึกว่าน่าเบื่อ

นั่นนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างกรรมการประเมิน โดยคณะกรรมการประเมินซึ่งมีความเห็นต่างขั้วกำลังถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ลางเนื้อชอบลางยา!

นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับรายการราชาหน้ากากนักร้อง บางทีอาจเป็นเพราะคณะกรรมการตัดสิน คำวิจารณ์ของเหล่าดาราจากคณะกรรมการประเมินจึงเฉียบคมและตรงไปตรงมา

ผลแพ้ชนะยากคาดเดา!

ต่อให้เป็นหลินเยวียน ก็ไม่กล้ารับประกันว่าตนจะได้ผลลัพธ์อย่างไร สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ ตนไม่มีทางร่วงลงอยู่อันดับสุดท้าย เสียงตอบรับของผู้ชมและคณะกรรมการที่มีต่อเขานั้นนับว่าไม่เลว

“เอาละครับ!”

อันหงซึ่งอยู่บนเวทียิ้มแย้ม “เทพผู้ลึกลับทั้งหกท่านร้องเสร็จแล้ว หลังเวทีกำลังคำนวณคะแนนกันอยู่ครับ”

บนเวที พิธีกรสนทนาพาทีกับผู้ชม

และบริเวณด้านหลังเวทีในส่วนของนักร้อง

เสียงของผู้กำกับดังผ่านลำโพง “ขอเชิญนักร้องทั้งหกท่านและผู้จัดการชั่วคราวแต่ละท่านเข้าไปรวมกันในห้องโถงด้วยครับ พวกเราจะประกาศอันดับของนักร้องในตอนแรกของรายการกัน…”

ในห้องรับรอง

นักร้องแต่ละคนต่างลุกขึ้นเดินออกมา

ในห้องรับรองของหลานหลิงอ๋อง

ถงถงลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน

แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองยังหลานหลิงอ๋อง กลับพบว่าอีกฝ่ายไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ยังคงเยือกเย็นเฉกเช่นที่ผ่านมา

“หลานหลิงอ๋องไม่ร้อนใจ แต่นางกำนัลคนนี้ร้อนใจเหลือเกินเพคะ”

ถงถงบ่นกับกล้องอย่างไร้ปรานี

……

ในห้องโถง

ภายใต้การนำทางของผู้จัดการ เหล่านักร้องลึกลับได้พบกัน

ทุกคนต่างไม่เห็นหน้ากันและกัน ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวทักทายกัน ก่อนจะนั่งบนโซฟาแยกกัน ผู้จัดการชั่วคราวยืนอยู่ด้านหลังนักร้องที่ตนดูแล ราวกับเป็นลูกสมุนของนักร้องเหล่านั้น

“อาจารย์หลานหลิงอ๋อง เวทีต่อไปคุณจะร้องเพลงคู่หญิงชายอีกไหม”

เมื่อนั่งลงแล้ว หมูน้อยฉีฉีมองไปทางหลินเยวียนด้วยความสงสัย

หุ่นยนต์กล่าวติดตลก “เจ้าเล่ห์มาก สืบข้อมูลของคู่แข่งล่วงหน้า”

ผู้ชมหัวเราะ บรรยากาศระหว่างนักร้องมีชีวิตชีวามากขึ้น

หลินเยวียน “ยังไม่แน่”

เขาไม่ได้วางหลุมพราง แต่เขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับเพลงที่จะร้องในเวทีต่อไป

“ฉันชอบเพลงของคุณ”

หงส์ขาวมองไปยังหลินเยวียน

หลินเยวียนตอบ “ขอบคุณ”

หุ่นยนต์แกล้งทำท่าทางไม่พอใจ “หงส์ขาว คุณหมายความว่าพวกเราร้องไม่ดีเหรอ?”

หงส์ขาวหัวเราะ “ก็ไม่ดีเท่าฉัน”

นักร้องทุกคนต่างยิ้มขื่น หงส์ขาวเย่อหยิ่งมากทีเดียว

ทุกคนหยอกล้อกันอยู่พักหนึ่ง ถงซูเหวินก็ปรากฏตัว

ถงซูเหวินถือกระดาษใบหนึ่งไว้ในมือ “การแสดงของทุกท่านน่าตื่นเต้นมาก แต่การแข่งขันมีแพ้มีชนะเสมอ ต่อจากนี้ผมจะประกาศผลของวันนี้ จะเริ่มประกาศจากอันดับที่สาม”

นักร้องทุกคนพลันรู้สึกกังวลขึ้นมา

ถงซูเหวินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “นักร้องซึ่งได้อันดับที่สามในรายการราชาหน้ากากนักร้องตอนที่หนึ่งคือ…”

ถงซูเหวินหยุดชั่วขณะ

นี่คือความน่าสนใจซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปของรายการบันเทิง

เมื่อนักร้องเริ่มกระวนกระวาย ถงซูเหวินจึงเอ่ยว่า “นักร้องอันดับสาม ได้คะแนนโหวตจากผู้ชมสามร้อยแปดสิบคะแนน ยี่สิบแปดคะแนนจากคณะกรรมการประเมิน และเจ็ดสิบคะแนนจากคณะกรรมการตัดสิน คะแนนโหวตรวมห้าร้อยหกคะแนน เขาคนนั้นคืออาจารย์หุ่นยนต์ของเรานั่นเอง!”

ผู้ชมปรบมือ

หุ่นยนต์พรูลมหายใจ “คิดว่าจะพลาดท่าซะแล้ว…”

คำพูดของหุ่นยนต์นั้นเป็นข้อมูลเล็กน้อย

น่ากลัวว่าเขาจะเป็นราชาเพลงลึกลับตามที่รายการโปรโมตจริงๆ …

ถงซูเหวินหัวเราะ “และนักร้องอันดับที่สี่ของวันนี้ เธอได้รับคะแนนโหวตสามร้อยเก้าสิบสองคะแนนจากผู้ชม สามสิบคะแนนจากคณะกรรมการประเมิน และสามสิบคะแนนจากคณะกรรมการตัดสิน เธอก็คืออาจารย์หมูน้อยฉีฉีของเรานั่นเอง!”

ผู้ชมปรบมือลั่นอีกครั้ง

หมูน้อยฉีฉีเอ่ยอย่างหวั่นเกรง “ยังดีที่ได้อันดับสี่…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน