“ขอบคุณอาจารย์นักรบสำหรับการแสดงอันน่าตื่น…เต้น ขอโทษครับ ฟังเยอะๆ แล้วผมหายใจไม่ออก”
อันหงเอ่ยอย่างขบขัน
ผู้ชมทั้งห้องส่งหัวเราะครืน
ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่านักรบร้องเพลงจนจบด้วยการหายใจน้อยครั้งขนาดนี้ได้ยังไง
“อาจารย์นักรบมีอะไรอยากพูดไหมครับ”
อันหงมองไปยังนักรบ
นักรบปรับลมหายใจ “ทุกท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกเพลงจากไป ที่จริงแล้วมีเหตุผลอยู่สี่ข้อ ข้อที่หนึ่งคือผมอยากแสดงความเคารพต่ออาจารย์หยางจงหมิง สองคือผมใช้เพลงเวอร์ชันเรียบเรียงใหม่ตอบโต้เรื่องการหายใจ ข้อที่สามคือผมคิดว่าการร้องเพลงที่คู่แข่งเคยร้องนั้นน่าสนใจดี ส่วนข้อที่สี่…”
นักรบหยุดชะงัก
อันหงรับลูกคู่ “ข้อที่สี่คืออะไรครับ”
นักรบหัวเราะ “ผมคิดว่าชื่อเพลงนี้ดีครับ”
อันหงอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นตามสัญชาตญาณ “จากไป”
โอ้ว!
ผู้ชมนึกออกแล้ว!
‘จากไป’ ไงล่ะ นี่คือมุกซึ่งมีความหมายแฝง ว่าให้หลานหลิงอ๋องจากไป!
ตกรอบ ก็หมายความว่าจากไปใช่ไหมล่ะ?
แรงอยู่นะ!
นี่คุณคิดจะตบหน้าหลานหลิงอ๋องให้ตายคามือเลยหรือไง!
เพลงเดียวสอดแทรกความหมายไว้มากมาย!
สีหน้าของอันหงแลดูแปลกประหลาดอีกครั้ง เขากลั้นขำอีกแล้ว…
บนหน้าจอ
คอมเมนต์ถั่งโถมมาอย่างไม่ขาดสาย
‘ขอบคุณอันหงที่คอยกลั้นขำอย่างแข็งขัน นักร้องพวกนี้แต่ละคนตึงทั้งนั้น!’
‘สะใจ จับหลานหลิงอ๋องแขวนประจานเลย!’
‘หลานหลิงอ๋องฉาวโฉ่แน่!’
‘บ้าน่า เล่นแบบนี้ได้ด้วย?’
‘จากไปก็ดี’
‘…’
อันหงกระแอม “อาจารย์นักรบมีอารมณ์ขันจังเลยนะครับ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องเชิญคู่แข่งของอาจารย์นักรบ ซึ่งก็คืออาจารย์หลานหลิงอ๋องขึ้นแสดงบนเวทีครับ!”
นักรบโค้งคำนับก่อนจะลงจากเวทีไป
มีเสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ทว่าขณะที่ผู้ชมกำลังปรบมือนั้น สีหน้ากลับแปลกพิลึก
เวทีนี้ หลานหลิงอ๋องจะใช้อะไรมาสู้
แค่ความน่าเกรงขามก็ถูกข่มซะแล้ว!
คุณบอกว่าคนเขามีปัญหาเรื่องการหายใจ?
ตอนนี้คนเขาจึงอวดเทคนิคการหายใจอันน่าทึ่ง มิหนำซ้ำยังร้องเพลงจากไปที่คุณเคยร้องก่อนหน้านี้อีกต่างหาก!
ยอมหรือยัง?
ผู้ชมยอมแล้ว!
นักรบแข็งแกร่งมาก!
และทุกคนก็ชอบแบบนี้!
ต่อให้หลานหลิงอ๋องทำผลงานออกมาได้ดี ก็ยากที่จะกอบกู้ความรู้สึกของผู้ชมกลับมา เพราะผู้ชมไม่ได้โหวตจากเพลงเพียงอย่างเดียว แต่โหวตเพื่อการตอบโต้เรื่องการหายใจของนักรบในรอบนี้ก็เพียงพอแล้ว!
……
ด้านหลังเวที
เสียงของหงส์ขาวระคนความไม่พอใจ “เวทีนี้ของนักรบตอบโต้ได้ยอดเยี่ยมมาก ใช้การหายใจมาเอาใจผู้ชม แต่เพลงนี้นอกจากการหายใจแล้วไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรมากมาย”
“ถูกต้อง!”
ปลาปักเป้าเสริม “นี่เป็นการบีบให้หลานหลิงอ๋องแข่งเรื่องลมหายใจกับเขาไม่ใช่เหรอคะ ถ้าหลานหลิงอ๋องไม่ตอบโต้ไปซึ่งๆ หน้า จะดูเหมือนว่าหลานหลิงอ๋องจงใจหลีกเลี่ยงการต่อสู้”
“เข้าใจได้…”
หุ่นยนต์พยักหน้า “พูดไปก็ป่วยการ นี่เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการแข่งขัน เขาดึงดูดความสนใจของผู้ชมไปไว้ที่ความขัดแย้งเรื่องการหายใจได้ เขาก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
ทำไมน่ะหรือ
ก็เพราะเขาใช้ลมหายใจฟาดหน้าไปแล้วน่ะสิ!
เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าเทคนิคการใช้ลมหายใจของเขานั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน!
“แต่ผลการแข่งขันก็ไม่แน่นอน”
นางเงือกเอ่ยขึ้นทันใด “อย่าลืมว่าใครเป็นคนเขียนเพลงในเวทีที่ผ่านมาของหลานหลิงอ๋อง บางทีเวทีนี้ก็อาจเป็น…”
หืม?
ทุกคนตะลึง แต่กลับส่ายหน้า ต่อให้เซี่ยนอวี๋ช่วยหลานหลิงอ๋องเขียนเพลงแล้วอย่างไร เวทีนี้ไม่ได้วัดกันที่บทเพลงเพียงอย่างเดียวสักหน่อย
……
เมื่อเทียบกับความขุ่นเคืองของทีมที่หนึ่งแล้ว ขณะนี้ทีมที่สามกำลังคึกคัก!
“สุดยอด!”
“สมแล้วที่เป็นนักรบ!”
“เวทีนี้ฟังแล้วสะใจมาก!”
“นี่แหละคือสไตล์ของนักรบ คุณมีจุดไหนไม่พอใจ ฉันก็พิสูจน์จุดนั้นให้เห็นกับตา!”
“เฉียบ!”
นักร้องในทีมที่สามเกรงว่าจะทำให้ผู้ชมไม่พอใจ จึงหันไปอธิบายกับหน้ากล้อง “ที่จริงพวกเราไม่ได้เกลียดหลานหลิงอ๋อง พวกเราเพียงแต่หวังว่าต่อไปเขาจะคิดก่อนพูด ถึงยังไงพวกเราก็…”
พูดต่อไม่ไหวแล้ว
นักร้องในทีมที่สามต่างคนต่างหัวเราะ บางคนหัวเราะจนตัวงอ มีคนหัวเราะจนขาขยับยุกยิกไปมาบนโซฟา บ้างก็ตบหน้าขาของตนเอง จนสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขซึ่งพวกเขาส่งผ่านทางหน้าจอ
……
กล้องสลับไปยังมู่สือ
มู่สือคล้ายกับเพิ่งพบเรื่องน่ายินดีบางอย่าง และทำมินิฮาร์ตให้กับกล้อง
คนที่นั่งด้านข้างอดคลี่ยิ้มไม่ได้ พลางตบไหล่มู่สือเบาๆ
เห็นได้ชัด
ว่าใครๆ ก็นึกถึงเรื่อง ‘การหายใจ’ และการตอบโต้ของนักรบช่างเด็ดขาดจริงๆ !
……
ขณะที่ต่างฝ่ายต่างมีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลานหลิงอ๋องก็ก้าวขึ้นบนเวที
สิ่งที่รอต้อนรับเขา กลับเป็นสายตาอันซับซ้อนของผู้ชม แน่นอนว่ายังรวมไปถึงคอมเมนต์ต่างๆ บนหน้าจอด้วย
จะแข่งอะไรล่ะ?
ยังต้องร้องเพลงอีกหรือ?
อันหงมองไปยังหลินเยวียน “อาจารย์หลานหลิงอ๋องมีอะไรอยากพูดไหมครับ”
หลินเยวียนส่ายหน้า
ผู้ชมบางคนถอนหายใจ
เขาไม่อยากพูดด้วยซ้ำ
ไม่ปากตะไกรแล้ว ไม่เข้ากับสไตล์ของหลานหลิงอ๋องเอาซะเลย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาคงจะสับสนมาก
มีคอมเมนต์ส่งมา
‘ทำไมครั้งนี้คุณไม่บอกแล้วล่ะว่าคนเขามีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนลมหายใจ’
‘หายใจแบบนี้คุณทำได้ไหม’
‘มู่สือ: แค้นนี้ต้องชำระ!’
‘มู่สือ: การหายใจของผมมีปัญหา งั้นคุณว่าการหายใจของนักรบมีปัญหาไหม?’
แต่ก็มีคอมเมนต์โต้กลับ
‘แฟนคลับของนักร้องบางคนเอาแต่ด่าหลานหลิงอ๋อง’
‘เวทีนี้นักรบมีแต่โชว์หายใจ ที่เหลือไม่มีอะไรเลย’
‘การแสดงเขาดูกันที่การหายใจอย่างเดียวหรือไง?’
‘ยังวางรูปแบบไม่ดีพอ’
‘…’
ยังมีบางคนที่สนับสนุนหลานหลิงอ๋อง
แต่ทว่า
ต่อให้เป็นผู้สนับสนุนหลานหลิงอ๋อง ก็ไม่สามารถตำหนิเกี่ยวกับปัญหาด้านการหายใจของของนักรบ
การหายใจเมื่อครู่ น่าทึ่งเหลือเกิน!
……
อันที่จริงความคิดของหลินเยวียนนั้นเรียบง่าย
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าก่อนร้องเพลงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ
หลินเยวียนหันไป
พยักหน้าให้กับวงดนตรี
แสงไฟส่องกระทบบนร่าง
ทันใดนั้นเสียงเปียโนแผ่วเบาก็ดังขึ้น
ในขณะนั้น
ชื่อเพลงของหลินเยวียนก็ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
ชื่อเพลง: ไม่เคยจากไป
คำร้อง: เซี่ยนอวี๋
ทำนอง: เซี่ยนอวี๋
ขับร้อง: หลานหลิงอ๋อง
ชั่ววินาทีนั้น หลายคนดวงตาเบิกกว้าง
อะไรฟระเนี่ย?
ไม่เคยจากไป?
เพลงที่นักรบเพิ่งร้องเมื่อครู่มีชื่อว่า ‘จากไป’
ปรากฏว่าเพลงในเวทีนี้ของหลานหลิงอ๋องดันมีชื่อว่า ‘ไม่เคยจากไป’
แถมยังเป็นเพลงที่เซี่ยนอวี๋เขียนด้วย?
คุณจงใจหรือเปล่า?
พรึบๆๆ!
สีหน้าของหลายคนตื่นเต้นมาก!
ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน
หยางจงหมิงก็สับสนเช่นกัน
เพลงนี้ของเซี่ยนอวี๋มีชื่อว่า ‘ไม่เคยจากไป’?
ถูกต้อง นี่คือเพลง ‘ไม่เคยจากไป’ ของหลินจื้อเซวี่ยน[1]
หลินจื้อเซวี่ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เซียนหลิน’ สร้างความตกใจให้กับผู้คนนับไม่ถ้วนหลังจากที่เขาร้องเพลงนี้บนเวที แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับแม่หวง[2]ยังตกตะลึง เพราะไม่มีใครฟังเสียงลมหายใจของหลินจื้อเซวี่ยนออก ทุกคนจึงขนานนามว่าเพลงนี้ ‘ไม่มีการหายใจ’!
นี่คือวิธีขับร้องแบบค็อกเทล[3]ซึ่งหลินจื้อเซวี่ยนเป็นผู้คิดค้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ประหนึ่งปราศจากการหายใจ ในเมื่อหลินเยวียนเตรียมเพลงนี้มา แน่นอนว่าเขาต้องศึกษาวิธีขับร้องมาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน