ตอนที่ 505 สิ้นสุด – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 505 สิ้นสุด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“คุณร้องเสียงสูงได้!”
หงส์ขาวเอ่ยขึ้นอย่างขำขันทันทีที่หลินเยวียนกลับไปยังหลังเวที ในการแข่งขันที่ผ่านมาหลินเยวียนไม่เคยใช้เสียงสูง
“ไม่นับว่าสูง”
หลินเยวียนขบคิดก่อนจะเอ่ยตอบ
หงส์ขาว “สูงใช้ได้”
ปลาปักเป้า “นับว่าสูงมาก”
นางเงือก “ถึงเสียงจะไม่นับว่าสูงมาก แต่ร้องได้ยาวขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ วิธีการร้องของคุณเป็นเอกลักษณ์มาก ถ้ามีโอกาสขอคำแนะนำด้วยนะคะ”
“อื้ม”
ทีมที่หนึ่งสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อฉากนี้ปรากฏแก่สายตาของผู้ชมกลับกลายเป็นความจนใจ
“ไม่นับว่าสูง?”
“สูงใช้ได้?”
“บ้าไปแล้ว!”
“มืออาชีพก็โหดเกิน!”
“ถ้าเป็นฉัน บอกว่าเพลงไม่เคยจากไปไม่นับว่าสูงนี่ฉันคงเตะกระเด็นไปแล้ว แต่ทีมที่หนึ่งมีแต่นักร้องที่ถนัดร้องเสียงสูง แม้แต่เสียงสูงของปลาปักเป้าก็เกินจริงมาก”
“…”
เป็นฉากที่อลังการสุดๆ
การแข่งขันดำเนินต่อไป ความกระตือรือร้นที่ผู้ชมมีต่อรายการราชาหน้ากากนักร้องไม่ได้จบลงที่การแข่งขันระหว่างหลานหลิงอ๋องและนักรบ อารมณ์ของพวกเขามีแต่จะพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ เพราะรอบนี้ชวนตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน!
นักร้องต่างพยายามอย่างหนัก!
การประลองระหว่างหลานหลิงอ๋องและนักรบน่าตื่นตาตื่นใจก็จริง แต่ความคาดหวังของทุกคนล้วนเกิดขึ้นตั้งแต่นักรบประกาศสงครามกับหลานหลิงอ๋องก่อนหน้านี้ ความบาดหมางได้รับการแก้ไขแล้ว ทุกคนจึงเบนความสนใจไปยังการแข่งขันต่อจากนั้น
เวทีต่อๆ มายังคงยอดเยี่ยม
เพราะสองคนซึ่งขึ้นประลองต่อจากนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน คนหนึ่งคือหุ่นยนต์ซึ่งเป็นราชาเพลง และเอล์ฟซึ่งเป็นราชินีเพลง ทั้งสองคนคือบุคคลระดับแกนนำในทีมของตน!
หุ่นยนต์ร้องก่อน
ปรากฏว่าทันทีที่หุ่นยนต์เริ่มร้องเพลง เพียงประโยคแรกก็ทำให้ผู้ชมในห้องส่งตื่นตกใจ คณะกรรมการตัดสินมีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เพราะนี่เป็นบทเพลงภาษาฉู่!
แตกต่างจากภาษาฉี…
ภาษาฉีซึ่งเป็นภาษาถิ่นของฉีโจวนั้นใกล้เคียงกับภาษากลาง ต่อให้ไม่ใช่ชาวฉีก็สามารถเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับนักร้องชาวฉินโจวอย่างซุนเย่าหั่วซึ่งร้องเพลงภาษาฉีได้ดี และปลาปักเป้าซึ่งขึ้นเวทีก่อนหน้านี้ก็สามารถร้องเพลงภาษาฉีได้ดีเช่นกัน
แต่ภาษาฉู่นั้นต่างออกไป!
ภาษาฉู่นั้นยากมาก นอกจากชาวฉู่ที่ฟังออก คนอื่นๆ จะฟังแล้วรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังบ่นอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ตาม ระดับความซาบซึ้งในดนตรีของบลูสตาร์ก็สูงมาก และไม่มีใครไม่พอใจเพียงเพราะฟังเพลงไม่ออก เนื่องจากดนตรีและทำนองเป็นสิ่งที่มาคู่กัน เนื้อเพลงแสดงออกถึงอารมณ์และแนวคิดทางศิลปะของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ถ้าหากสิ่งเหล่านี้สามารถตีความออกมาได้ เพลงภาษาฉู่จะไม่มีทางถูกหักคะแนน มีแต่จะได้คะแนนเพิ่ม นับประสาอะไรกับเมื่อบนหน้าจอมีเนื้อเพลงและคำแปล!
ยิ่งไปกว่านั้น…
ผู้ชมในห้องส่งมีทั้งชาวฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน ดังนั้นทันทีที่เสียงของหุ่นยนต์ดังขึ้น ผู้ชมซึ่งเป็นชาวฉู่ต่างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ บางคนถึงขั้นลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ!
สุดยอดมาก!
ทุกคนชอบความรู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นนี้ การออกเสียงภาษาฉู่ของหุ่นยนต์นั้นชัดเจนถูกต้อง เห็นได้ว่าหุ่นยนต์คือราชาเพลงจากฉู่โจว ในที่สุดเขาก็ได้ขับร้องบทเพลงในภาษาที่เขาคุ้นเคยที่สุด!
ด้านหลังเวที
หงส์ขาวตกตะลึง “เขาเป็นคนฉู่เหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าทิศทางที่ฉันเดาไว้จะผิดพลาด น่าสนใจจริงๆ”
หลินเยวียนไม่พูด
มิน่าล่ะหุ่นยนต์ถึงมีพฤติกรรมคล้ายกับศิลปินตลก ชาวฉู่ชอบเล่นมุกเกินจริงอยู่บ้าง ส่วนภาษาฉู่ที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันอยู่นั้น…
คือภาษาญี่ปุ่น
ทุกทวีปบนบลูสตาร์มีภาษาถิ่นของตนเอง ภาษาถิ่นของฉีโจวคล้ายกับภาษากวางตุ้งบนโลก และภาษาถิ่นฉู่โจวคล้ายกับภาษาญี่ปุ่นบนโลก ส่วนเยี่ยนโจวและฉินโจวใช้ภาษาจีนกลางเป็นหลัก ภาษาถิ่นไม่ได้สืบทอดมามากนัก จึงไม่มีการพัฒนาของดนตรีซึ่งใช้ภาษาถิ่นเยี่ยนโจวเป็นหลัก
ร้องจบเพลง!
ผู้ชมทั้งห้องส่งต่างส่งเสียงเชียร์!
ต่อจากนั้นเป็นการแสดงของเอล์ฟ ปรากฏว่าการแสดงของเอล์ฟไม่ได้เป็นรองเลย เธอไม่ได้ใช้ภาษาพิเศษอื่นใด ยังคงร้องเป็นภาษากลาง ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่ายคือ…
เสียง!
เอล์ฟนั้นเหมือนกับหลานหลิงอ๋อง มีเสียงที่แตกต่างกัน เธอเริ่มร้องเพลงช่วงแรกด้วยเสียงน่ารัก นี่เป็นเสียงที่ทุกคนคุ้นเคย ปรากฏว่าเมื่อถึงท่อนเวิร์สที่สอง เธอกลับเปลี่ยนไปใช้อีกเสียงหนึ่ง!
ไม่ได้น่ารัก!
แต่มาแบบนางพญา!
และด้านหลังเวทีของทีมที่สาม นักร้องจากทีมที่สามทยอยกันกล่าวลาเอล์ฟ เมื่อนักรบกำลังจะเดินไปยังเวทีเพื่อถอดหน้ากาก จู่ๆ เอล์ฟก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะแก้แค้นให้คุณเอง ทีมเรายังมีฉันอยู่”
นักรบชะงักฝีเท้า
เขาไม่ได้ตอบอะไร สุดท้ายแล้วจึงเดินไปถอดหน้ากากบนเวที และเมื่อทีมที่สามถอดหน้ากากครบทั้งหมด ในที่สุดทุกคนก็รู้ตัวตนของนักร้องเหล่านี้สักที
“นักร้องแถวหน้า!”
“นักร้องแถวหน้า!”
“นักร้องแถวหน้า!”
“ราชาเพลง!”
นักร้องสามคนแรกที่ถอดหน้ากากล้วนเป็นนักร้องแถวหน้า และนักรบซึ่งเป็นนักร้องคนที่สี่ซึ่งถอดหน้ากากคือราชาเพลงจากเยี่ยนโจวดังที่เขาเคยกล่าวไว้ แถมยังจัดว่าเป็นนักร้องชื่อดังอีกด้วย!
“เอ๋อลั่วอี!”
“เป็นเขาจริงด้วย!”
“แม่เจ้า หลานหลิงอ๋องกำจัดเอ๋อลั่วอี โหดอยู่นะ เอ๋อลั่วอีเป็นราชาเพลงจากเยี่ยนโจว เพียงแต่สองปีมานี้ปล่อยเพลงน้อยมากก็เท่านั้นเอง แถมเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ฟังไม่ออกเลย!”
“นักรบคือเขาเองเหรอ!?”
“โอ้ว ตอนไม่ถอดหน้ากากยังพอว่า แฟนคลับของนักรบไม่นับว่ามาก แต่แฟนคลับของเอ๋อลั่วอีนี่สิ ตอนนี้แฟนคลับของเอ๋อลั่วอีคงเกลียดหลานหลิงอ๋องเข้ากระดูกดำไปแล้ว หลานหลิงอ๋องล่วงเกินคนเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว!”
“ปล่อยจอยแล้วเรื่องนี้”
“เขาแทบจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้ว”
“ตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกอะไรล่ะ คุณอ่านนิยายแฟนตาซีมากเกินไปแล้ว ฉันกลับชอบหลานหลิงอ๋องมาก อีกทั้งต้องยอมรับว่าเวทีวันนี้ของหลานหลิงอ๋องเทพมาก มีแค่หุ่นยนต์กับเอล์ฟเท่านั้นที่เทียบได้!”
“…”
การแข่งขันแบบทีมสิ้นสุดลง
หลังจากนี้เป็นศึกระหว่างทีมที่สองและทีมที่สี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินเยวียนเป็นการชั่วคราว ทว่าผลกระทบที่ตามมาของศึกครั้งนี้ยังคงหมักบ่มต่อไปตามเวลา…
…………………………………………………
[1] นานิ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘อะไร’
[2] ยาเมะเตะ ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายในทำนองว่า ‘อย่านะ’ ‘หยุดเถอะ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...