ทันใดนั้นหลินเยวียนหัวเราะ
เสียงของเขา ดังออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะซึ่งแฝงความรู้สึกอันซับซ้อน
“ท้องนภายามราตรี เห็นมีเพียงดวงดาวพราวโดดเด่น”
“ท่ามกลางฝูงชน เธอยกย่องเพียงคนที่มีประเด็นคนที่โด่งดัง”
เนื้อเพลงอันเรียบง่ายเพียงสองประโยค
ท่วงทำนองอันเยือกเย็น
แต่ราวกับฉีกกระชากทุกอย่างออกจากกัน
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ทุกคนล้วนได้ยินเสียงหัวเราะซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ของหลินเยวียน
ผู้ชมบางคนโมโห!
แฟนคลับบางคนโมโห!
คุณหัวเราะอะไรกัน!
คุณเป็นใครถึงหัวเราะ!
คนเขาร้องไห้ แต่คุณกลับหัวเราะเนี่ยนะ!
เรื่องนี้ตลกสำหรับคุณหรือ?
ในขณะนั้นเอง ต่อหน้ากล้องนับไม่ถ้วน จู่ๆ หยางจงหมิงก็ผุดยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เปิดเผย
เป็นรอยยิ้มตรงไปตรงมาและแสนเรียบง่าย
หยางจงหมิงยิ้มทำไมกัน?
ทุกคนซึ่งได้เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง บรรยากาศชวนโศกเศร้า ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหยางจงหมิงถึงยิ้มแบบนั้น เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมหลานหลิงอ๋องถึงหัวเราะ
หยางจงหมิงจ้องมองหลานหลิงอ๋อง
คุณไม่ได้ ‘ไม่สนใจ’ จริงๆ
ไปตอบโต้เถอะ!
ไปค้นพบความจริง!
รอยยิ้มของหยางจงหมิงเลือนหายไปทันใด
เสียงหัวเราะของหลินเยวียนก็เลือนหายไปเช่นกัน
ในครั้งนี้ เสียงของเขากลายเป็นเสียงเยาะเย้ย ราวกับกำลังยั่วยุโลกใบนี้
ทว่าในความจริงแล้ว
เขาไม่ได้เยาะเย้ย และไม่ได้ท้าทายใคร
เขาเพียงแต่เยาะเย้ยตนเอง
“ใครบ้างไม่อยากเฉิดฉายกลางเวที”
“รอบกายฉันเรืองรองรัศมี”
“เมื่อการแสดงจบลง ใครจะสนใจสิ่งที่เธอคิด?”
“ใครจะสนใจสิ่งที่เธอทำ?”
คอมเมนต์ยังคงก่นด่า
ผู้ชมบางคนขมวดคิ้ว
หลินเยวียนมองไม่เห็น
แต่เขาคล้ายกับได้ยิน
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย อันที่จริงในตอนนี้อยากถามเทพีแห่งการล้างแค้นอีกสักครั้ง
คับอกคับใจมากหรือ?
ทำไมคุณต้องร้องไห้
หลินเยวียนไม่เข้าใจ แต่ก็เหมือนว่าเขาเข้าใจขึ้นมาบ้าง เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ถามอีก และไม่จำเป็นต้องถามอีก
“เกินจริงไม่ใช่ตราบาป”
“มันเติมเต็มชีวิตอันว่างเปล่าและเหี่ยวเฉา”
“สองตาคอยสอดส่อง ปากถกเถียงเรื่องคนอื่นเขา”
“เพิ่มรสชาติให้วงสนทนาทุกครั้งไป”
ทันใดนั้นเอง!
เสียงก็พลันดังขึ้น!
หลินเยวียนมองไปยังใบหน้าของผู้ชมซึ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายกับถามว่า
“ต้องอวดอ้างเกินจริงกันด้วยหรือ?”
“จะถูกผิดจริงเท็จไม่ยึดถือ”
“คุยโวโม้เปลือกนอกแข่งราคา!”
“ใครบ้างพูดจากใจ?”
พรึบๆๆ !
เมื่อท่อนคอรัสนี้ปรากฏขึ้น เนื้อเพลงถูกพิมพ์ลงบนหน้าจอเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่ทีละตัว เสียงของหลานหลิงอ๋องราวกับกำลังเต้นผาง คำก่นด่าบนหน้าจอหยุดลงเช่นกัน!
ใบหน้าของแต่ละคน!
นิ่งค้างอย่างฉับพลัน!
บางคนสับสน
บางคนเริ่มขอบตาแดงก่ำ
ทุกรายละเอียดนับตั้งแต่เกมฉายวาบต่อหน้าหลินเยวียน แต่ความทรงจำของเขายังคงติดอยู่ที่กองทัพแฟนคลับก่อนเข้าสู่สถานที่บันทึกเทปรายการ รวมไปถึงป้ายสนับสนุนซึ่งถูกรอยเท้านับไม่ถ้วนเหยียบย่ำ
อ้อ
แล้วก็มีเด็กหญิงดวงตาแดงก่ำ เช็ดป้ายสนับสนุนเงียบๆ คนนั้นด้วย
ความสงสัยของเขากลายเป็นการยืนยัน และการยืนยันเปลี่ยนเป็นการตัดสินใจ!
“ใครบ้างพูดจากใจ?!”
“ขอเพียงภาพที่เห็นนั้นตื่นตา!”
“ขอเพียงเรื่องราวที่เล่ามานั้นตื่นใจ!”
“เอ่ยปากพูดไปมีแต่ถ้อยคำหรูหรา!”
“หรือเยาะเย้ยก่นด่า!”
“พูดความจริงกันก็แค่หน้ากระจกก่อนเข้านอน…”
ไม่ต้องถามอีกต่อไป!
เป็นเพียงคำบรรยาย!
เมื่อคำพูดของผู้คนมีค่าประหนึ่งทองคำ!
แล้วใครเล่าจะสนใจความจริง?
ที่จริงทุกคนไม่สนหรอก!
ฉันเองก็พยายามไม่สนใจแล้วเหมือนกัน
แต่ฉันทำไม่ได้
งั้นสิ่งที่ถูกต้องคืออะไรล่ะ
คำตอบก็คือ ไม่มีสิ่งที่ถูกต้องไงล่ะ!
เสียงร้องของหลานหลิงอ๋องราวกับเป็นบทพูดคนเดียว แต่ทุกคำทะลุเข้าสู่หัวใจของผู้คน ประหนึ่งหัวกระสุน!
ทันใดนั้นเอง
คนที่โกรธ คนที่ไม่พอใจ คนที่ขมวดคิ้ว คนที่โต้เถียง คนที่สนับสนุน ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนเงียบลง
ในความเงียบงัน พลังหนึ่งกำลังคืบคลาน
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ ‘ฟัง’ เพลงนี้แล้ว
“ไม่ว่าจะชอบ?”
“หรือไม่ชอบฉัน”
“มันเป็นเรื่องของเธอ”
“หวังเพียงเสียงของฉันมันดังก้องในสมองเธอ”
“โน้ตตัวแรกในห้วงฝันแห่งดนตรีฉันขับร้อง”
“ที่ผ่านมาไม่เคยย่อท้อ”
ถ้าหากปฏิเสธตัวตนของฉัน ขอจงอย่าปฏิเสธเพลงของฉัน
“อุปสรรคทางความคิดมากมายคอยขวางกั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน