บางคนไปกินหม้อไฟหลังดูภาพยนตร์จบ
บางคนกลับบ้านหลังดูภาพยนตร์จบ บางคนถึงขั้นเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ และสำหรับภาพยนตร์ซึ่งไม่มีการทดลองฉายล่วงหน้า คำวิจารณ์ชุดแรกซึ่งเพิ่งออกจากเตาสดๆ ร้อนๆ ย่อมมาจากผู้ชมกลุ่มแรก
‘ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ที่ควรค่าแก่การรับชม!’
‘เซี่ยนอวี๋ได้มอบแนวคิดใหม่ให้แก่ภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ว่าจะเป็นประโยคซึ่งกระตุ้นความคิดของผู้ชมอย่าง [พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง] หรือวิธีที่เขาใช้ร่างกายของตนหยุดรถไฟเพื่อทำตาม [คำพูดสุดท้าย] ของลุง ใช้วิธีที่น่าสนใจเพื่อทำให้ผู้ชมยอมรับในค่านิยมที่ภาพยนตร์ตั้งใจถ่ายทอดแก่ผู้ชม’
‘สตอรีบอร์ดบางส่วนสมบูรณ์แบบมาก!’
‘การต่อสู้ครั้งแรกบนรถไฟฟ้าใต้ดินปูพื้นฐานของหนังตลก ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าซูเปอร์ฮีโร่ซึ่งมีแบกรับความทุกข์และโกรธแค้นเพื่อกอบกู้โลกจะตลกได้ถึงขนาดนี้ แถมแมงมุมตัวน้อยก็ช่างจำนรรจา ถ้าถามว่าซูเปอร์ฮีโร่คนไหนติดดินมากที่สุด ฉันคิดว่าต้องเป็นสไปเดอร์แมนนี่แหละ เขาพูดเจื้อยแจ้วจนฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไปบ้าง บอกได้แค่ว่านักแสดงหน้าใหม่คนนี้ที่ชื่อเจี่ยนอี้ทำงานหนักมาก ต้องเป็นคนที่ถูกเคี่ยวกรำเรื่องบทมาอย่างแน่นอน’
‘เป็นหนังที่ไม่ทำให้ผิดหวัง!’
‘วีรกรรมที่แลดูเรียบง่ายไม่ได้ปกปิดออร่าของสไปเดอร์แมนได้เลย ใช้คนธรรมดาเป็นจุดเริ่มต้น บทสรุปของครอบครัวและความรักที่เกื้อกูลกันทำให้ภาพยนตร์ไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่ยังสะท้อนอารมณ์ของผู้ชมด้วย เมื่อสไปเดอร์แมนท่องไประหว่างตึกสูงในเมือง ฉันได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอิสรภาพและความเยาว์วัย สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของฉากเหล่านี้ไม่ได้ละเอียดอ่อนมาก แต่ต้องบอกว่าออกแบบฉากได้เท่มาก เซี่ยนอวี๋กำลังบอกตลาดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า สิ่งที่เขาถนัดไม่ได้มีเพียงภาพยนตร์เชิงศิลปะ แต่ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์เขายังรับมือได้อย่างง่ายดาย!’
‘ตอนจบโรแมนติกมาก!’
‘สไปเดอร์แมนสวมหน้ากากครึ่งหน้า ห้อยหัวกลางสายฝนจูบนางเอก เป็นฉากโรแมนติกที่คลาสสิกมาก บางทีนี่อาจกลายเป็นฉากจูบที่ไม่อาจลบออกจากจอเงินได้ เซี่ยนอวี๋ออกแบบเช่นนี้อาจมีความหมายลึกซึ้งอีกชั้น สไปเดอร์แมนไม่อยากยอมรับว่าตนคือปีเตอร์ ต่อให้เขากับเกว็นจะรู้อยู่เต็มอก แต่สไปเดอร์แมนไม่อยากให้เกว็นเข้ามาในโลกของตน เพราะสไปเดอร์แมนรู้ดีว่าตนเองจะต้องเผชิญกับอนาคตที่อันตรายอย่างไร ที่เขาซ่อนตัวตนของเขามาโดยตลอดอาจเป็นการปกป้องครอบครัวและคนรักตามสัญชาตญาณ’
‘ออกแบบได้น่าทึ่งมาก!’
‘ในขณะที่ฮีโร่คนอื่นๆ กำลังวุ่นอยู่กับการกอบกู้โลก สไปเดอร์แมนมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนธรรมดารอบตัว กิจกรรมของเขาจำกัดอยู่แค่ในเมือง เขาคือฮีโร่พลเรือนที่แท้จริง เป็นมิตรเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านที่แสนดีของพวกเรา ทั้งยังให้ความรู้สึกซุกซนของวัยรุ่น ถึงอย่างไรเบื้องหลังเขาก็เป็นนักเรียนที่รักเรียนคนหนึ่ง’
‘…’
คอมเมนต์บนเว็บไซต์สตาร์เน็ต นับว่าเป็นมาตรวัดสำหรับผู้ชม ถึงแม้คอมเมนต์จะเกี่ยวโยงถึงสปอยล์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลายคนก็สามารถหลบเลี่ยงสปอยล์ได้อย่างเชี่ยวชาญ ถึงขั้นที่มีคนคลิกเข้าไปดูเพียงแค่คะแนนของภาพยนตร์
ในเวลานั้น
ภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนได้คะแนนถึง 8.8 ไปแล้ว ในบรรดาภาพยนตร์ที่เซี่ยนอวี๋สร้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้คะแนนต่ำที่สุด แต่นั่นคือการเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของเซี่ยนอวี๋ ถ้าหากยกเรื่องนี้ออกมาเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกัน โดยเฉพาะภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ คะแนนของเรื่องนี้นับว่าโดดเด่นในหมู่ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แล้ว!
ต้องเข้าใจ
ว่าตำนานมนุษย์มังกรซึ่งเข้าฉายในช่วงเวลาใกล้เคียงกันได้ไปเพียง 7.9 คะแนน และ 7.9 ถือเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในบรรดาภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย เป็นเรื่องยากสำหรับภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ซึ่งต้องกินพ็อปคอร์นขณะรับชมที่จะสร้างสมดุลระหว่างคะแนนและยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ
เมื่อมองจากมุมนี้
อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนนี้ก็ได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดีมาก นับว่าสร้างขีดจำกัดใหม่ให้กับคะแนนของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกด้วย
……
วันต่อมา
หลินเยวียนรีบเข้าไปเปิดดูคำวิจารณ์ภาพยนตร์บนเว็บไซต์สตาร์เน็ตทันที ปรากฏว่าไม่ว่าจะเป็นคะแนนหรือคำวิจารณ์ต่อภาพยนตร์ก็ล้วนเป็นที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้หลินเยวียนจะเคยคาดหวังให้สไปเดอร์แมนได้ถึงเก้าคะแนนก็ตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน