ในที่สุด การคัดเลือกก็เสร็จสิ้น!
นักประพันธ์เพลงทั้งยี่สิบคน เลือกนักร้องยี่สิบคนซึ่งจะร่วมงานด้วย
ราชาราชินีเพลงทั้งสิบคนได้รับการคัดเลือก
นักร้องสามสิบคนซึ่งไม่ได้รับเลือกจากนักประพันธ์เพลง ล้วนเป็นนักร้องแถวหน้าจากวงการเพลงฉินฉีฉู่และเยี่ยน
ในภาพระยะใกล้ของกล้อง
ใบหน้าของพวกเขาทั้งกระอักกระอ่วนทั้งผิดหวัง สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน
มีเพียงสถานการณ์บนเวทีเพลงของเรา ที่จะมีคนมองข้ามบุคคลระดับนักร้องแถวหน้า
ขณะเดียวกันรายการก็ยังถือโอกาสใช้ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงเอกสิทธิ์ของนักประพันธ์เพลงอีกครั้ง
เมื่ออยู่ต่อหน้านักประพันธ์เพลง ต่อให้เป็นนักร้องแถวหน้า ก็ทำได้เพียงรอคอยการถูกเลือกเท่านั้น
มีเพียงการก้าวขึ้นเป็นราชาราชินีเพลงเท่านั้น ถึงจะทำให้นักประพันธ์เพลงเห็นความสำคัญของคุณ…
ลำดับถัดมาเป็นรอบการดวลแบบกลุ่ม
นักประพันธ์เพลงและนักร้องยี่สิบคู่ เท่ากับบทเพลงยี่สิบเพลง ไม่มีทางบันทึกเทปรายการจบภายในตอนเดียว
ทีมงานรายการจึงวางแผนว่าจะแบ่งการอัดรายการออกเป็นสองตอน
แต่ละตอนจะปล่อยออกมาสิบเพลง
เพลงสิบเพลง แบ่งเป็นการดวลห้ารอบ
ดำเนินการแข่งขันในรูปแบบสองต่อสอง
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทีมงานรายการยังไม่ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน แต่ให้นักประพันธ์เพลงพานักร้องที่ตนเลือกไปยังห้องซึ่งเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าก่อน
“ทุกท่านผ่อนคลายกันก่อนครับ”
อันหงกล่าวกลั้วหัวเราะ “การต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านั้นตึงเครียดอย่างแน่นอนครับ แต่ในรอบแรกของรายการจะไม่มีผู้ที่ตกรอบนะครับ”
ผู้คนหัวเราะตามไปด้วย
“ไปเถอะ”
นักประพันธ์เพลงต่างพานักร้องที่ตนเลือกเข้าไปในห้อง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของนักร้องอีกสามสิบคนซึ่งไม่ได้รับเลือก
เฉินจื้ออวี่เดินตามหลินเยวียนไปทีละก้าว
หลินเยวียนหันไปมองเฉินจื้ออวี่
“กังวลเหรอครับ?”
เฉินจื้ออวี่ตอบอย่างระแวดระวัง “ผมกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ถึงยังไงระดับของผมก็ไม่ได้โดดเด่น…”
ถึงแม้รายการจะแจ้งแล้วว่าในช่วงแรกของรายการจะไม่มีการตกรอบ ถ้าเฉินจื้ออวี่ยังคงกระวนกระวาย ถ้าหากอาจารย์เซี่ยนอวี๋ต้องแพ้การแข่งขันเพราะตนฝีมือไม่ถึงขั้น
“สบายๆ ครับ”
หลินเยวียนขบคิด เอ่ยว่า “นี่เป็นเพลงสบายๆ ”
เฉินจื้ออวี่พยักหน้า ทว่าความตื่นตระหนกยังคงไม่จางหายไป
การแข่งขันนี้ ไม่ใช่ว่าใครมีฝีมือด้านการประพันธ์เพลงที่เก่งกาจแล้วจะคว้าชัยชนะได้
ผลการแข่งขันนั้นเกี่ยวข้องอย่างมากกับนักร้องที่นักประพันธ์เพลงเลือก
หยางจงหมิงฝีมือร้ายกาจใช่ไหม?
แต่ถ้าหากส่งนักร้องที่ฝีมืออ่อนที่สุดไปให้หยางจงหมิง หยางจงหมิงจะยังการันตีชัยชนะของตนเองได้อยู่ไหม?
เป็นความสงสัยครั้งใหญ่เชียวละ
แม้ว่าเฉินจื้ออวี่จะไม่ใช่นักร้องแถวหน้าที่อ่อนที่สุดในการแข่งขัน แต่ความสามารถโดยภาพรวมของเขานับว่าอยู่เพียงระดับกลางในบรรดานักร้องทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะกังวลว่าตนเองจะกลายเป็นตัวถ่วงของเซี่ยนอวี๋
หลินเยวียนเงียบ
จนกระทั่งเข้าไปในห้อง เขาถึงมองไปยังเฉินจื้ออวี่อย่างจริงจัง และเอ่ยว่า “คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม?”
“อะไรเหรอครับ”
“ไม่มีฮีโร่ที่กระจอก มีเพียงผู้เล่นที่ห่วย!”
เฉินจื้ออวี่ “???”
หลินเยวียนเห็นว่าเฉินจื้ออวี่ไม่เข้าใจ จึงเปลี่ยนวิธีการพูด
“บนโลกนี้ไม่มีดนตรีที่สมบูรณ์แบบ และไม่มีนักร้องที่แข็งแกร่งที่สุด เวทีนี้มีไว้ให้นักร้องที่เหมาะสมร้องเพลงที่เหมาะสม”
ในรายการนี้ หลินเยวียนวางแผนว่าจะเลือกนักร้องจากสไตล์เพลง ไม่ได้ดูจากผลงานของนักร้อง
ในเมื่อเฉินจื้ออวี่เหมาะสมกับเพลงต่อไปที่เขาเตรียมไว้ ย่อมต้องเลือกให้เฉินจื้ออวี่มาขับร้อง
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เฉินจื้ออวี่เป็นนักร้องแถวหน้าหรือไม่
แต่เมื่อใดก็ตามที่เพลงไม่เลือกคนร้อง ใครมาขับร้องล้วนได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน หลินเยวียนจะเลือกดูแลพวกซุนเย่าหั่ว
สิ่งที่ควรเอ่ยถึงก็คือ
ห้องของหลินเยวียนเป็นสีชมพู
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง หลินเยวียนก็แทบตาพร่าเพราะสีชมพูหวาน
เฉินจื้ออวี่หลุดหัวเราะ “ห้องของอาจารย์ท่านอื่นก็เป็นสีชมพูหรือเปล่าครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ละห้องมีสีที่แตกต่างกัน”
เจ้าหน้าที่ซึ่งนำทางมาตอบอย่างยิ้มแย้ม “เพราะอาจารย์เซี่ยนอวี๋เย็นชามากในรายการราชาหน้ากากนักร้อง ทางทีมงานเลยอยากเติมสีโทนร้อนเพื่อปรับความสมดุลค่ะ”
หลินเยวียน “…”
สีโทนร้อนมีตั้งมากมาย ทำไมถึงเลือกสีชมพูล่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนห้องของเหยาเหยาเลย ชมพูทั้งห้องจนตาลาย
……
แต่หลินเยวียนไม่ได้คิดมากเรื่องสี
หลังจากนั่งลง เขาก็หยิบเพลงที่ตนเตรียมไว้ออกมา “คุณไปฝึกเพลงนี้นะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน