หลังจากหลินเยวียนผลิตภาพยนตร์ไม่กี่เรื่อง เขาก็มีทีมงานประจำแล้ว
สมาชิกหลักของทีมงานกองถ่านนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพ่อบ้านอย่างโปรดิวเซอร์เสิ่นชิง และผู้ช่วยงานอย่างผู้กำกับอี้เฉิงกง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวแทนหลินอนุมัติโปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ เห็นได้ชัดว่าทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ผู้กำกับเปลี่ยนจากอี้เฉิงกงเป็นตู้อั้น แน่นอนว่าอี้เฉิงกงจึงอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ถึงแม้ในใจของอี้เฉิงกงจะรู้ดี
ว่าในแง่ของความสามารถในการกำกับภาพยนตร์ ตนเทียบไม่ได้กับผู้กำกับตัวท็อปซึ่งทางบริษัทอุตส่าห์ดึงตัวมาจากฉีโจว
ยิ่งไปกว่านั้น…
เพื่อที่จะเป็นผู้กำ กับเรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพาย ตู้อั้นถึงขั้นยอมเป็นผู้ช่วยงานให้กับตัวแทนหลิน ความเสียสละในครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ
เพราะภายใต้สถานการณ์ปกติ
ผู้กำกับระดับตู้อั้นไม่มีทางยอมก้มหัวให้ใคร
ดังนั้น หากบอกว่าเสียเปรียบ ไม่เพียงอี้เฉิงกงที่เสียเปรียบ แต่ตู้อันก็เสียเปรียบมากเช่นกัน
เสิ่งชิงไม่ถูกเปลี่ยนตัว
ทว่าเมื่อเห็นว่าในภาพยนตร์เรื่องใหม่ หลินเยวียนเลือกตู้อั้น ไม่ได้เลือกอี้เฉิงกง ในใจของเสิ่นชิงก็พลอยรู้สึกเศร้าขึ้นมาเช่นกัน
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ร่วมงานกันมานาน เสิ่นชิงและอี้เฉิงสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน ฉะนั้นเขาจึงยังคงดื่มสุราเพื่อปลอบใจเพื่อนเก่าของตน
“ตัวแทนหลินคงรู้สึกว่าสไตล์ของหนังเรื่องนี้เหมาะที่จะให้ตู้อั้นถ่ายทำมากกว่า ถ้าในอนาคตเจอหนังเรื่องที่เหมาะกับคุณ เขาก็จะมาเรียกคุณไปร่วมงาน เดี๋ยวผมจะไปคุยกับตัวแทนหลินอีกที…”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”
อี้เฉิงกงยิ้มขมขื่น “ผมไม่ได้คิดจะโทษตัวแทนหลินหรอก เขาช่วยผมมามากแล้ว ครั้งนี้ที่ไม่ถูกเลือกเป็นเพราะความสามารถของผมเอง ผมหวังว่าหนังของของตัวแทนหลินจะถ่ายทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ผม ผมเองจะได้ใช้เวลาช่วงนี้พัฒนาฝีมือของตัวเองด้วย จะพยายามตามตัวแทนหลินให้ทัน”
จะเห็นได้ว่า
ภาพยนตร์หลังจากนี้ของตัวแทนหลินจะมีสเกลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เกณฑ์ความสามารถของผู้กำกับย่อมสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ถ้าหากระดับของอี้เฉิงกงยังคงหยุดอยู่กับที่ไปตลอด เห็นทีไม่ช้าก็เร็วจะเขาย่อมตกขบวน
ในขณะนั้น
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของอี้เฉิงกงก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบออกมาดู และเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย อี้เฉิงกงก็สร่างเมาขึ้นมาทันที เสิ่นชิงซึ่งอยู่ด้านข้างมีสีหน้าเคร่งขรึม
เป็นโทรศัพท์จากตัวแทนหลิน
อี้เฉิงกงกระแอม ก่อนจะกดรับสาย
เขาคิดโดยสัญชาตญาณว่าตัวแทนหลินคงโทรมาปลอบใจตน ปรากฏว่าเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย อี้เฉิงกงก็ตกตะลึงไปทันใด และเขายังคงสับสนเล็กน้อยหลังจากวางสาย
“เป็นยังไง”
เสิ่นชิงกล่าวกลั้วหัวเราะ “ผมว่าแล้วเชียว ตัวแทนหลินไม่ลืมคุณหรอก เขาไม่ใช่คนที่จะมาปลอบใจคน ถ้าเขามาปลอบใจคุณก็ชัดเจนแล้วว่าเขายังให้ความสำคัญกับคุณมาก”
“ไม่ใช่…”
“งั้นมีเรื่องอะไร”
อี้เฉิงกงสูดสมหายใจเข้าลึก พูดด้วยความตื่นเต้น “ตัวแทนหลินบอกว่ามีบทภาพยนตร์เรื่องใหม่จะให้ผมกำกับ อีกสักระยะหนึ่งเขาจะส่งบทมาให้ผม หนังสองเรื่องต่อไปของเขาจะเริ่มผลิตทีละเรื่อง!”
“พระเจ้าช่วย!”
เสิ่นชิงประหลาดใจ และรู้สึกดีใจจนลิงโลด
“ยินดีด้วย ตัวแทนหลินเขียนบทเรื่องใหม่เพื่อชดเชยให้คุณ เขาให้ความสำคัญกับคุณมาก!”
“ใช่แล้ว!”
อี้เฉิงกงเสียงดังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความเมามายพลุ่งพล่านในใจอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นเขาเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ “ผมต้องถ่ายภาพยนตร์เรื่องใหม่ออกมาให้ดี จะไม่ทำให้ตัวแทนหลินผิดหวังเป็นอันขาด!”
……
อันที่จริง นี่ไม่ใช่การปลอบใจอี้เฉิงกง เหตุผลหลักคือหลินเยวียนคาดการณ์ว่าชีวิตอัศจรรย์ของพายอาจต้องใช้เวลานานในการผลิต ทิ้งช่วงสุญญากาศค่อนข้างยาว เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากให้อี้เฉิงกงกำกับเรื่องอื่นในระหว่างนี้
เมื่อพิจารณาจากระดับความยาก ช่วงเวลาในการเข้าฉายของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องสามารถหลีกเลี่ยงกันได้
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนยังไม่ได้ตัดสนใจว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องใด เขาวางแผนว่าจะเลือกจากคลังภาพยนตร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน
วันรุ่งขึ้น
หลินเยวียนใช้เวลาในสตูดิโอการ์ตูนของตนอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
ในเวลานี้ เรื่องบันทึกมรณะอัปเดตมาจนถึงช่วงสุดท้าย คาดว่าจะจบบริบูรณ์ก่อนปลายปีนี้
หลังจากวาดการ์ตูนอยู่หลายชั่วโมง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน