อ่านสรุป ตอนที่ 560 พ่อ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 560 พ่อ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
การแสดงของเฟ่ยหยางจบลงแล้ว
หลายคนคล้ายกับไม่สามารถตั้งสติได้ในทันที
ไม่มีใครพูดจา
ไม่รู้ว่าเฟ่ยหยางลอบเช็ดน้ำตาจนแห้งตั้งแต่เมื่อไหร่
ทันใดนั้นเอง
มีคนปรบมือ
ผ่านไปหลายนาที ห้องส่งจึงมีเสียงปรบมือเสียงดังกึกก้อง!
หลินเยวียนก็ปรบมือ
ทว่าปรบมือไปได้เพียงไม่กี่ครั้ง จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนใบหน้า
เขายกมือขึ้นสัมผัสตามสัญชาตญาณ รู้สึกเย็นๆ
หลินเยวียนจึงได้พบว่า ตนร้องไห้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขาเองยังไม่รู้ตัวว่าทำไมตนถึงร้องไห้
เป็นเพราะซาบซึ้งใจกับเฟ่ยหยางหรือ?
กล้องจับภาพมาที่เขาพอดี
และมีผู้ชมสังเกตเห็นถึงฉากนี้พอดี
“อย่าร้องไห้!”
“สู้ๆ !”
“เซี่ยนอวี๋สู้ๆ !”
“พวกเรารักคุณนะ!”
“พ่อเพลงอวี๋เก่งที่สุด!”
“…”
ผู้คนตะโกนมากขึ้นเรื่อยๆ !
เสียงปรบมือยิ่งดังกระหึ่ม!
หลินเยวียนโบกมือให้กับผู้ชม จากนั้นจึงรับกระดาษจากอันหงมาเช็ดน้ำตา
เขาไม่ได้คิดต่อว่าทำไมตนถึงร้องไห้
ต่อให้เขาจะไม่รู้ว่าในคอมเมนต์นั้นเต็มไปด้วยคำสองคำเต็มหน้าจอ
‘ปวดใจ!’
บางทีภาพนี้อาจกระตุ้นความคิดเชื่อมโยงของผู้คนมากมาย
เฟ่ยหยาง “…”
ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน!
จนกระทั่งอันหงเดินขึ้นมาบนเวที ประโยคแรกของเขาจึงทำให้เสียงปรบมือและการถกเถียงเงียบลง
“ขณะที่ทุกคนกำลังปลอบใจอาจารย์เซี่ยนอวี๋ อันที่จริงทุกคนต้องการกำลังใจ ในความเห็นของผม บางทีหลังจากนี้ผมอาจไม่เปิดฟังเพลงนี้ง่ายๆ อีก”
นั่นสิ
เซี่ยนอวี๋ต้องการการปลอบใจ
เฟ่ยหยางต้องการการปลอบใจ
แล้วผู้ชมไม่ต้องการการปลอบใจหรือ?
ทุกคนรวมกันเป็นกลุ่มก้อนของความเศร้า
แม้ว่าพ่อของบางคนจะยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับบางคน พ่อของพวกเขาได้ลาจากไปแล้วตลอดกาล
ทว่าความรู้สึกที่มีต่อพ่อ ใครไม่เหมือนกันบ้าง?
ทุกคนอยู่ในบทเพลง
อันหงมองไปยังเฟ่ยหยาง “อาจารย์เฟ่ยหยางมีอะไรอยากพูดไหมครับ”
เฟ่ยหยางปรับสภาพจิตใจเรียบร้อยแล้ว
เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมา เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เฉพาะเพลงนี้ ผมยินดีเป็นอันดับสอง”
ผู้ชมหัวเราะลั่น
สำหรับเฟ่ยหยางในเวลานี้ เพลงนี้คงจะมีความหมายลึกซึ้งเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพ่อของเขาผ่านการเข้ารักษาฉุกเฉิน
ความรู้สึกของการได้รับกลับมาหลังจากสูญเสียไปนั้น ยิ่งทำให้คนเราเข้าใจถึงคุณค่าของหลายสิ่งมากยิ่ง
เฟ่ยหยางพูดต่อ “ขอบคุณพ่อของผมที่สนับสนุนผมมาตลอดหลายปี ผมพูดมาตลอดว่าแฟนคลับคือคนที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ ที่จริงแล้วคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงมุก ผมคิดว่าผมประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง เป็นเพราะความพยายาม ความยืนหยัด และพรสวรรค์ของผมเอง ผมรู้ว่าคำพูดนี้ออกมาแล้วอาจทำให้ใครหลายคนไม่สบายใจ แต่ต้องขอโทษด้วยครับ นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของผมมาตลอด”
“โอ้?”
ถ้าหากอยู่ในโอกาสอื่น คำพูดนี้ของเฟ่ยหยาง ย่อมไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อันหงกลับคลี่ยิ้ม “สิ่งที่คุณเข้าใจนั้นไม่ผิดหรอกครับ แฟนคลับสนับสนุนคุณ เพราะจุดเด่นเช่นนี้ของคุณ พวกเราขอบคุณแฟนคลับ แต่ก็ต้องไม่ลืมขอบคุณตัวเองด้วย”
น้ำตาเริ่มกลับมาอีกครั้ง
ในคอมเมนต์ถึงขั้นมีคนบ่น
‘เจ้าบ้าอันหง หลอกให้ร้องไห้อีกแล้ว!’
แน่นอน
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป
แม้ว่าสำหรับนักร้องคนอื่น การแข่งขันจะจบลงแล้วก็ตาม…
เพลงนี้ ‘ปัง’ มาก!
ไม่ได้หมายถึงตัวบทเพลงนั้นปังมากแค่ไหน แต่หมายถึงบรรยากาศซึ่งอบอวลไปด้วยความรู้สึกและความซึ้งจนน้ำตาไหล!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทุกคนรู้ถึงเรื่องราวที่เฟ่ยหยางผ่านมาก่อนจะขับร้องเพลงนี้
เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับเวทีต่อจากเพลงนี้
นักร้องคนต่อไปรับมือไม่ไหว คนต่อต่อไปก็รับมือไม่ไหว นักร้องในวันนี้ล้วนเจองานยาก
“ยังมีอะไรอยากบอกกับทุกคนไหมครับ”
สุดท้าย อันหงเอ่ยถามเฟ่ยหยาง
เฟ่ยหยางเงียบไปชั่วขณะ เอ่ยว่า “ถ้ามีเวลา ก็จับมือเขามากขึ้นสักหน่อย ถ้ามีเวลา ก็ปอกส้มให้เขากิน ถ้ามีเวลา อยู่เป็นเพื่อนคุยเท่านั้นก็พอ ต่อให้วิดีโอคอลหา ต่อให้โทรศัพท์หาก็ได้ทั้งนั้น…แค่หาเวลาจากการเล่นโทรศัพท์เล่นเกมสักหน่อยเท่านั้นก็พอ”
พูดจบ เฟ่ยหยางจึงโค้งคำนับและลงจากเวทีไป
มีคำพูดบางอย่าง ที่เฟ่ยหยางไม่ได้เอ่ยออกมา
เพราะมันอาจเจ็บปวดเกินไป
ต่อให้ตอนนี้เขามีเวลา แต่คุณไม่มีเวลา
อาจเป็นเพราะงาน เป็นเพราะเกม หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆ
กว่าคุณจะมีเวลา เขาอาจไม่อยู่แล้วก็ได้
นี่คือสิ่งที่เฟ่ยหยางพบเจอด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าใจเรื่องนี้มากว่าใคร
อย่าลืมว่า
เวลาของเขา เหลือไม่เท่าคุณ…
————————
ปล. คุณตาชอบจูงมือเด็กๆ มาก แต่ฉันไม่รู้ หลังจากเขาเสียไป คุณยายเป็นคนบอกฉันว่าเวลาฉันจับมือเขาอาจรู้สึกเหมือนไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่คุณยายบอกว่าที่จริงแล้วเขาดีใจมาก อีกอย่างช่วงนี้มีแม่ของเพื่อนคนหนึ่งตรวจเจอมะเร็ง รู้สึกใจหายมาก ตอนที่เขียนเพลงนี้เลยเขียนไปร้องไห้ไป เหมือนกับในนิยายบอกไว้ ว่าเพลงนี้เขียนถึงพ่อ แต่แท้จริงแล้วหมายถึงความรักในครอบครัว พูดถึงทุกคนในครอบครัว ขอให้ทุกคนจะใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ข้อความเรื่อยเปื่อยนี้ไม่คุ้มเงิน เลิกงานค่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...