เมื่อตัดสินใจแล้ว หลินเยวียนจึงตัดสินใจซื้อเพลงลมบูรพาร้าวรานจากระบบ
เพื่อความสะดวกในอนาคต หลินเยวียนยังซื้อเพลงสไตล์จีนเพลงอื่นๆ อีกหลายเพลง ไม่เพียงเพลงของโจวเจี๋ยหลุน
ราคาล้วนแต่แพงหูฉีก
และการบันทึกเสียงเกิดขึ้นสามวันให้หลัง
หลินเยวียนเพิ่งเดินเข้าไปในสตูดิโอบันทึกเสียงไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของเจิ้งจิงจากระยะไกล
“เสี่ยวอวี๋จะอัดเพลงใหม่สำหรับสิ้นปีหรือ?”
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า พลางเอ่ยทักทาย “อาจารย์เจิ้งสวัสดีครับ”
เจิ้งจิงแกล้งทำเป็นไม่พอใจ “พูดซะห่างเหินเชียว อาจารย์เจิ้งอะไรกัน ให้เรียกว่าน้าเจิ้ง”
“น้าเจิ้ง…”
เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ ทั้งอายุอานามยังใกล้เคียงกับแม่ของหลินเยวียน เขาเรียกเช่นนี้จึงไม่ได้ฟังดูขัดเขิน
“แบบนี้สิถึงจะถูก”
เจิ้งจิงท่าทางดีใจมาก
“ในเมื่อคุณเรียกฉันว่าน้าเจิ้ง งั้นฉันก็จะรายงานสถานการณ์ของคู่แข่งให้คุณรู้สักหน่อย เมื่อวานฉันไปตอแยลุงหยางของคุณอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ให้ฉันฟังเพลงใหม่ของเขา เพลงนั้นน่าทึ่งมากเลยละ!”
เมื่อพูดถึงสองสามประโยคสุดท้าย ดวงตาของเธอฉายแววจริงจัง แม้แต่รอยยิ้มก็จางหายไปหลายส่วน
ทันใดนั้นซาวด์เอนจิเนียร์ซึ่งอยู่ด้านข้างก็พยักหน้า
เห็นได้ชัด
ว่าซาวด์เอนจิเนียร์คนนี้มีส่วนร่วมการบันทึกเพลงของหยางจงหมิง เขาจึงเข้าใจว่าคำพูดของเจิ้งจิงนั้นไม่ได้เกินจริง
หลินเยวียนตระหนักได้ แต่กลับไม่ได้ตกใจ
นักประพันธ์เพลงซึ่งฝีมือโดยภาพรวมอยู่อันดับที่สามของบลูสตาร์เลือกลงมือในมหาสงครามเทพเซียนทั้งที เพลงที่หยิบออกมาจะธรรมดาได้อย่างไร?
แต่บทเพลงที่ทำให้เจิ้งจิงวิจารณ์ว่า ‘น่าทึ่ง’ ได้นั้น ต้อง‘น่าทึ่ง’ จริงๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่า เมื่อมาเผชิญหน้ากับเพลงสไตล์จีนเพลงแรกในประวัติศาสตร์บลูสตาร์ ผลแพ้ชนะจะเป็นอย่างไร
สำหรับเรื่องนี้ หลินเยวียนก็ตื่นเต้นและคาดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนหยางจงหมิงซึ่งกลายเป็น ‘ลุงหยาง’ ของตนดังที่เจิ้งจิงพูดนั้น หลินเยวียนไม่ได้สนใจ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจพวกคำเรียกอยู่แล้ว
“ไม่ต้องกดดันหรอก ทำใจให้สบายก็พอแล้ว”
เจิ้งจิงกลัวว่าหลินเยวียนจะกังวล จึงเอ่ยปลอบ “ยิ่งไปกว่านั้นรสนิยมของฉันไม่ได้เป็นตัวแทนของรสนิยมของผู้ชมไปเสียทั้งหมด”
เจิ้งจิงพูดไปเช่นนั้น
แต่แท้จริงแล้วในใจของเธอกลับกระจ่างดีว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง
เมื่อเพลงเพลงนี้ของหยางจงหมิงปล่อยออกไป ย่อมได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
เพราะเพลงบางเพลง ได้ฟังก็รู้แล้วว่าจะโด่งดัง!
ติดหูเหลือเกิน!
อีกทั้งแนวคิดและความหมายของเพลงนั้น รวมไปถึงรูปแบบโดยองค์รวมของบทเพลงก็ไม่เป็นสองรองใคร!
“งั้นผมอัดเพลงก่อนนะครับ”
หลินเยวียนไม่ได้กังวล เขาไม่ได้ไม่เคยแพ้มาก่อนสักหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้นคู่แข่งคือหยางจงหมิง…
แต่ในครั้งนี้ ใช่ว่าเขาจะแพ้เสมอไป
บนบลูสตาร์ซึ่งผู้คนโดยทั่วไปมีสุนทรีย์ในการเสพผลงานศิลปะสูง เพลงสไตล์จีนจะได้รับความชื่นชมมากกว่าในแดนมังกรอย่างแน่นอน
“ได้”
เจิ้งจิงหาเก้าอี้มานั่ง “ไม่รังเกียจที่ฉันฟังใช่ไหม? ฉันสงสัยเกี่ยวกับเพลงใหม่ของคุณน่ะ”
“ไม่ครับ ตามสบาย”
หลินเยวียนพยักหน้า จากนั้นจึงบอกกล่าวกับซาวด์เอ็นจิเนียร์ ก่อนจะเดินเข้าห้องอัดเพลงไป
หลังจากปรับสภาพเสียงแล้ว หลินเยวียนจึงเริ่มลองร้องเพลง
ด้านนอกกระจกกันเสียง
เจิ้งจิงสวมหูฟัง ใบหน้าฉายแววสงสัย
เมื่อหลินเยวียนร้องสองประโยคแรกของเพลง สีหน้าของเจิ้งจิงยังนับว่าสงบ
แต่เมื่อฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของเธอจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป…
เมื่อท่อนคอรัสดังก้องผ่านโสตประสาท สีหน้าของเจิ้งจิงก็เหลือเพียงความ ‘ตกตะลึง[1]’ ตามชื่อของเธอ!
เธออ้าปากค้างเล็กน้อย จ้องมองผ่านกระจกกันเสียงอย่างตกตะลึงไปยังหลินเยวียนซึ่งกำลังดำดิ่งสู่การร้องเพลง ในที่สุดจึงเกิดความปั่นป่วนขึ้นในใจของเธอ!
“ขอฉันดูเพลงหน่อย!”
จู่ๆ เสียงของเธอก็ขาดห้วง และมองไปทางซาวด์เอนจิเนียร์
ซาวด์เอนจิเนียร์คล้ายกับกำลังจิตใจล่องลอยไปพร้อมกับเพลงของหลินเยวียน แม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ช้าไปหนึ่งจังหวะ ผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะตั้งสติได้
“อยู่ข้างมือคุณ…”
เจิ้งจิงไม่ทันได้ตอบสนอง รีบมองไปยังโน้ตเพลงในทันที
ชื่อเพลงลมบูรพาร้าวราน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน