“ตอนจบนี้…”
พานเหล่ยยิ้มขื่น “สุดท้ายแล้ว ชีวิตของทรูแมนเป็นเพียงความบันเทิงของพวกเขา จะมีสักกี่คนที่ใส่ใจทรูแมนจริงๆ ”
“ผู้ชมในหนังก็คือพวกเราไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยหงอวี๋กระซิบ “ต่อให้สำหรับคุณ ฉัน หรือทั้งโรงฉาย นี่เป็นแค่หนังเรื่องหนึ่ง”
ทั้งสองไม่ได้คุยกันต่อ
เสียงปรบมือดังสนั่น
ในไม่ช้าทั้งสองก็ร่วมปรบมือ
ทางฝั่งแผนกประพันธ์เพลงสตาร์ไลท์ เหล่าโจวและคนอื่นๆ ต่างไฮไฟว์กัน
ไม่ต้องกังวลเรื่องตารางฉายแล้ว
เสียงตอบรับในที่นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
ทว่าโลกภายนอกไม่ได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานประชุมภาพยนตร์เรื่องชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์
หลายวันต่อจากนั้น
หลังจากสตาร์ไลท์ทำงานล่วงเวลาในการโปรโมต การพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์จึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น
อีกด้านหนึ่ง
หลินเยวียนหาเวลาว่างเพื่อทำเพลงประกอบเกมพืชปะทะซอมบี้ พร้อมทั้งส่งต่อให้ซุนเย่าหั่ว
“รับทราบ!”
หลังจากซุนเย่าหั่วได้รับเพลงประกอบ จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “รุ่นน้องจะไปดูหนังไหม?”
“หนังอะไรครับ”
“แน่นอนว่าเป็นหนังของนายไงล่ะ ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์”
“ก็ได้”
หลินเยวียนครุ่นคิด ก่อนจะตอบตกลง
ภาพยนตร์ของตนเองเข้าฉาย ปกติแล้วหลินเยวียนไม่ไปดูที่โรงภาพยนตร์ ถึงอย่างไรก็ได้ดูผลงานซึ่งเสร็จสมบูรณ์ที่บริษัทแล้ว ทว่าในบางครั้งก็อยากสัมผัสความรู้สึกของการรับชมภาพยนตร์ในโรงบ้าง
“งั้นฉันเหมาโรง!”
“ไม่ต้องครับ”
“เข้าใจแล้ว!”
ซุนเย่าหั่วเอ่ย
เป็นเช่นนี้จนกระทั่ง
วันที่ 10 มีนาคมมาถึงอย่างเป็นทางการ
ในที่สุดผู้ชมซึ่งตั้งตารอมานานก็ได้สัมผัสกับชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์!
ใจกลางเมืองซู
โรงภาพยนตร์ลูเมียร์
หลินเยวียนและซุนเย่าหั่วติดอาวุธครบมือ
หน้ากากอนามัย แว่นตาดำ และหมวกล้วนปกปิดทั่วใบหน้า
นี่คือความยุ่งยากของคนดัง
พวกเขาถูกคนสังเกตเห็นได้ง่ายขณะที่เดินอยู่ตามท้องถนน และก่อให้เกิดเรื่องที่ไม่จำเป็น
ขณะตรวจตั๋ว
ซุนเย่าหั่วเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “รุ่นน้องเข้าไปก่อน เดี๋ยวฉันเข้าไป”
หลินพยักหน้า
เมื่อเข้าไปในโรงภาพยนตร์ หลินเยวียนนั่งลงในที่นั่งช่วงกลางของแถวที่แปด
ซุนเย่าหั่วเป็นคนซื้อตั๋ว สองใบในแถวที่แปด
สิ่งที่ทำให้หลินเยวียนประหลาดใจคือ…
เห็นทั้งที่ในโรงฉายมีผู้ชมตั้งมากมาย ทว่าแถวที่แปดกลับมีเขาเพียงคนเดียว
ผู้ชมบนบลูสตาร์ไม่ชอบนั่งแถวที่แปดกันหรือ?
ในโรงฉายภาพยนตร์ทั่วไป สำหรับผู้ชมซึ่งมีสายตาปกติ แถวที่เจ็ดและแปดควรจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการรับชมภาพยนตร์
ปรากฏว่าโรงฉายที่หลินเยวียนเข้ามา ในแถวอื่นมีผู้ชมนั่งจนเต็ม
แต่แถวที่แปดมีเขาเพียงคนเดียว
บางทีผู้ชมในแถวที่แปดอาจยังมาไม่ถึงก็ได้
หลินเยวียนไม่ได้คิดมาก
สองนาทีผ่านไป ซุนเย่าหั่วก็ถือถุงขนาดใหญ่มาหลายใบ
“รุ่นน้อง”
ซุนเย่าหั่วนั่งลงทางขวามือของหลินเยวียน วางถุงใบใหญ่เหล่านั้นลง “นายจะดื่มอะไร ชานม โคล่า น้ำผลไม้ แล้วก็มีพวกกาแฟเลือกได้ตามใจชอบเลย!”
“โคล่า”
“โคล่า”
ซุนเย่าหั่วหยิบโคล่าออกมาหนึ่งขวด และหยิบของอื่นๆ ออกมาจากถุงทีละชิ้น วางลงบนเก้าอี้รอบๆ พวกเขา
ข้าวโพดคั่ว มั่นฝรั่ง บิสกิต คอเป็ด ปีกไก่ ไส้กรอกย่าง คล้ายว่าจะยังมีเยลลี และขนมเปี๊ยะไข่แดงด้วย…
มีของกินเล่นสารพัดชนิด
ผู้ชมแถวหลังมองดูทั้งสองด้วยสายตาแปลกประหลาด
สองคนนี้มาดูหนัง หรือมาปิกนิกกันแน่?
“มิน่าล่ะฉันถึงซื้อตั๋วแถวแปดไม่ได้ แถวแปดน่าจะถูกสองคนนี้เหมาไปแล้ว”
“ดูหนังต้องหรูหราขนาดนี้เลย”
จะโทษว่าทุกคนไม่เคยเห็นโลกก็คงไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นคนดูภาพยนตร์แล้วจัดเต็มเช่นนี้
ดูขนมบนที่นั่งซะก่อน
สองคนนี้คงไม่ได้ยกแผงขายขนมมาไว้ในนี้หรอกนะ?
“แม่ฮะ ผมอยากกิน!”
เด็กคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังร้องงอแง ดูเหมือนว่าจะมาพร้อมกับผู้ปกครอง
“อยากกินอะไร” หลินเยวียนหันไปถาม
“ไส้กรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน