Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 767

สรุปบท ตอนที่ 767 นี่มันภาพยนตร์เชิงศิลปะ (2): Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 767 นี่มันภาพยนตร์เชิงศิลปะ (2) จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 767 นี่มันภาพยนตร์เชิงศิลปะ (2) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 767 นี่มันภาพยนตร์เชิงศิลปะ (2)

……….

บนหน้าจอขนาดยักษ์

ไฮยีนาไม่สามารถโจมตีพายซึ่งอยู่ที่หัวเรือได้ มันจึงหันไปกัดม้าลาย!

“ไม่นะ!”

พายผูกพันกับสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นฉากนี้ก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที ส่วนลิงอุรังอุตังชื่อว่าเฉิงจือก็ตะบี้จะบันทุบตีไฮยีนาเพื่อปกป้องม้าลาย

ทันทีเสียงร้องดังขึ้น ม้าลายก็ถูกไฮยีนากัดตาย

ขณะเดียวกัน

ไฮยีนาก็ถูกลิงอุรังอุตังทุบตีจนหมดสติไป

อย่างไรก็ตาม

ไฮยีนาหมดสติไปได้เพียงไม่กี่นาที ก็ฟื้นขึ้นมาและเริ่มกัดลิงอุรังอุตัง!

ลิงอุรังอุตังตายเช่นกัน

ผู้ชมกังวลใจเหลือเกิน

ไฮยีนาตัวนี้โหดร้ายมาก!

ในเวลานั้นเอง

เสียงคำรามดังขึ้น

เสือตัวนั้นซึ่งมีชื่อว่าปาร์คเกอร์กระโจนออกมา ขย้ำไฮยีนาในครั้งเดียวจนตาย ก่อนจะหันไปหาพาย!

พายรีบถอยกลับไป

เสือไม่สามารถทำได้ดังใจ จึงคำรามใส่พาย ผู้ชมถูกคำรามใส่จนขนลุกซู่เช่นกัน!

รูปแบบการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดหมดไป!

ม้าลาย ลิงอุรังอุตัง และไฮยีนาตายไปหมดแล้ว!

บนเรือเหลือเพียงเสือและพายซึ่งเป็นตัวเอก!

ชีวิตอัศจรรย์ของพาย เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงในวินาทีนี้เอง!

……

ดวงตาของผู้ชมเบิกกว้าง ถูกเรื่องราวดึงดูดโดยสมบูรณ์!

ความโหดร้ายของการเอาชีวิตรอดในความเวิ้งว้างได้ปรากฏแก่สายตาของผู้ชมอย่างแจ่มชัด!

ไม่มีการแก้ไขปัญหาที่น่าทึ่ง ตัวเอกไม่ได้ฝึกไฮยีนาและเสือให้เชื่อง จากนั้นจึงดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปพร้อมกับสัตว์ต่างๆ มีเพียงกฎเกณฑ์อันโหดร้าย ซึ่งผู้แข็งแกร่งจะล่าผู้ที่อ่อนแอกว่า!

ไฮยีนาหิวโหย!

มันกินคนไม่ได้!

เพราะฉะนั้นมันจึงคิดจะกินม้าลายและลิงอุรังอุตัง!

เสือก็หิวเช่นกัน ดังนั้นมันจึงกัดไฮยีนาตาย!

“เสือไม่ได้มีความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นไฮยีนา ลิงอุรังอุตัง หรือม้าลายล้วนกลายเป็ นอาหารของมัน พายเองก็เป็นอาหารสำรองเหมือนกัน กินสัตว์หมดเมื่อไหร่ มันจะหาวิธีกินคน!”

“ตอนเด็กๆ พายเชื่อมาตลอดว่าสัตว์มีความรู้สึก”

“บอกไม่ได้ว่าสัตว์ป่าพวกนี้มีความรู้สึกหรือเปล่า แต่การเอาตัวรอดในทะเลมีความโหดร้ายเป็นปกติ เสือกินสัตว์อื่นเพื่อความอยู่รอดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้านหน้ามีการปูเรื่องมาตั้งสามสิบนาทีแล้ว พ่อของพายพูดถูกว่าสัตว์ก็เป็นสัตว์วันยันย่ำ ส่วนมนุษย์ก็มีกฎเกณฑ์ของมนุษย์ ดังนั้งเมื่อสัตว์หิวจึงกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร แต่เมื่อมนุษย์หิวจะไม่กินมนุษย์ด้วยกันเอง”

“อยากรู้เรื่องหลังจากนี้มาก พายจะสู้กับเสือยังไง”

“ในข้อความโปรโมตบอกว่าพายจะอยู่ร่วมกับเสือเกินสองร้อยวัน สองร้อยกว่าวันนี้เสือจะไม่กินเขาจนเหลือแต่กระดูกเลยหรือ?”

“สาวน้อย รู้จักพลังของตัวเอกไหม”

“ดูต่อจากนี้ดีกว่า เซี่ยนอวี๋จะอธิบายเรื่องราวให้สมเหตุสมผลได้ยังไง”

“…”

ตอนนี้ผู้ชมกำลังรับชมอย่างเพลิดเพลินใจ ผ่านการเกริ่นเรื่องอันแสนน่าเบื่อเมื่อครึ่งชั่วโมงแรกไป โครงเรื่องในตอนนี้นับว่าน่าสนใจมาก และความคาดหวังที่มีต่อโครงเรื่องก็ยังแข็งแกร่งมาก

มนุษย์และเสืออยู่ร่วมกับเสือสองร้อยกว่าวันได้อย่างไร

ในใจของทุกคนเกิดความสงสัยครั้งใหญ่

……

ขณะที่ภาพยนตร์กำลังฉาย อันซวี่ก็กำลังขบคิด แต่เขาคิดมากกว่าผู้ชมทั่วไป!

เขาไม่ใช่คนโง่เขลา!

รับชมภาพยนตร์มาประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้ายังคิดว่านี่คือภาพยนตร์เชิงพาณิชย์อีก จะต้องโง่บรมขนาดไหนกัน!

ไม่ใช่ว่าอันซวี่ตอบสนองช้า

อันที่จริง การเกริ่นเรื่องอันน่าเบื่อในช่วงสามสิบนาทีแรกทำให้อันซวี่ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับภาพยนตร์เรื่องนี้

เขาได้กลิ่นบางอย่าง!

กลิ่นของภาพยนตร์เชิงศิลปะ!

ภาพยนตร์เชิงศิลปะ?

เงินลงทุนนับร้อยล้าน มาตรฐานการถ่ายทำระดับสูงสุด แต่เซี่ยนอวี๋กลับสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์เชิงศิลปะเนี่ยนะ

อันซวี่รู้สึกว่าความเข้าใจที่เขามีต่อภาพยนตร์เชิงศิลปะถูกโจมตีอย่างรุนแรง!

นี่คือเหตุผลที่อันซวี่ไม่กล้าฟันธงในตอนนี้!

ต้องกล้าหาญขนาดไหนถึงกล้าเล่นแบบนี้!

ทุ่มเงินหลายร้อยล้าน เพื่อเดิมพันกับการทำกำไรของภาพยนตร์เชิงศิลปะ!

ความทะเยอทะยานของเซี่ยนอวี๋นั้นมากเกินไป แต่เมื่อพิจารณาถึงระดับในปัจจุบันของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว แม้ว่าจะน่าประทับใจ แต่กลับไม่สามารถแบกรับความทะเยอทะยานและความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ พูดได้เพียงว่าแนวคิดเรื่องมนุษย์และสัตว์ซึ่งเอาชีวิตรอดกลางทะเลนั้นยอดเยี่ยมมาก

……

อันที่จริง

ในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ มีผู้คนมากมายจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ซึ่งกำลังตกตะลึงเมื่อตระหนักได้ถึงแผนการใหญ่ของเซี่ยนอวี๋!

ในจำนวนนั้น

มีผู้กำกับ นักเขียนบท และนักวิจารณ์ภาพยนตร์รวมอยู่ด้วย ภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋ดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากมายในอุตสาหกรรมนี้!

“นี่มันหนังเชิงศิลปะชัดๆ !”

“ประเด็นคือไม่มีกลิ่นอายของหนังเชิงศิลปะ แต่กลับมีแค่การสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ?”

“เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”

“โครงเรื่องนี้คุ้มค่ากับการลงทุนสูงขนาดนี้เชียวหรือ?”

“อยากเดินเส้นทางของหนังเชิงพาณิชย์ แต่ก็อยากเดินเส้น ทางหนังเชิงศิลปะด้วย ไม่รู้หรือว่าจะมีสองอย่างพร้อมกันไม่ได้?”

“บ้าบิ่นเหลือเกิน!”

“ถึงแม้เนื้อเรื่องแบบนี้จะน่าสนใจ แต่ช่วงแรกก็จังหวะช้าเกินไป เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ กว่าเข้าเข้ารูปเข้ารอย!”

“โครงสร้างเวิ่นเว้อเกินไป”

“มีที่ไหนหนังเชิงศิลปะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสัตว์!”

ไม่ใช่ว่าโครงสร้างเวิ่นเว้อหรอก ตรงกันข้ามเลย ฉันว่าโครงสร้างเรียบง่ายเกินไป คนกับเสือเอาชีวิตรอดในมหาสมุทร ของแค่นี้ไม่พอที่จะถ่ายทอดความหมายแฝงที่ลึกซึ้งออกมาได้ แต่เขากลับใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการเกริ่นเรื่อง!”

“เซี่ยนอวี๋เหมาะกับเงินลงทุนน้อยๆ ”

“งานสเกลใหญ่ไม่เหมาะกับเขา”

“พูดได้แค่ว่าทุกคนต่างมีสิ่งที่ตัวเองถนัดล่ะมั้ง ดูจากบทอย่างเดียวก็ยังน่าสนใจ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้คนดูดูต่อไปไม่ไหวต้องเทกลางทาง”

“…”

สำหรับคนในวงการ บอกได้เพียงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เลว แต่หากจะบอกว่าดีแค่ไหน คงยังไม่ถึงขั้นนั้นจริง!

ทว่าเงินลงทุนของภาพยนตร์เรื่องนี้สูงเกินไป!

การทำเช่นนี้จะถอนทุนคืนยาก!

ในระหว่างกระบวนการนี้ กลับมีเพียงไม่กี่คนที่ยังนิ่งสงบ

เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง จึงเป็นไปได้ที่เซี่ยนอวี๋จะพลิกสถานการณ์กลับมาในช่วงหลัง แม้ว่าความเป็นไปได้นี้จะริบหรี่มากก็ตาม

ในเวลานั้นเอง

ภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อไป

ไม่มีใครรู้ว่านับตั้งแต่วินาทีที่ไฮยีนากินม้าลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เริ่มมืดมนและสยองขวัญขึ้นมาแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน