ตอนที่ 832 จุดหักมุม
วันรุ่งขึ้น
หลินเยวียนไปทำงานที่บริษัท ถืออากาศขณะที่ยังไม่มีงาน เขาก็เข้าไปดูผลตอบรับของซีรีส์โคมวิเศษในอินเทอร์เน็ต
ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนยังคงพูดคุยกัน
ความคิดเห็นของผู้ชมส่วนใหญ่เป็นไปในแง่บวก
ตัวอย่างเช่น การออกแบบตัวละครของเทพเอ้อร์หลางเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนจำนวนมาก
ในอดีตหลินเยวียนลงทุนมหาศาลเพื่อโปรโมต บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ตอนนั้นหลายคนคิดว่าการลงทุนแบบนี้ไม่มีทางถอนทุนคืนได้ แม้แต่ในบริษัทก็ยังมีแรงต่อต้าน คิดว่าไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินมากถึงเพียงนั้น
และตอนนี้
ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องก็เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว
ด้วยกระแสความนิยมของบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ซีรีส์เรื่อง โคมวิเศษที่เพิ่งออกอากาศไปเพียงสองตอน ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก!
บนเว็บไซต์สตรีมมิงสามแห่งซึ่งบริษัทร่วมมือด้วย
ซีรีส์โคมวิเศษซึ่งออกอากาศไปเพียงสองตอน ก็สามารถขึ้นสู่ชาร์ตยอดนิยมของแต่ละเว็บไซต์ได้แทบจะพร้อมกัน!
ยอดการรับชมรายวันล้วนติดอันดับสามอันดับแรก!
บนหนึ่งในสามเว็บไซต์นี้ยังสามารถทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับรายวันได้อีกด้วย!
นี่คือสัญญาณของซีรีส์ที่กำลังมาแรง ถ้าหากเนื้อเรื่องในตอนต่อๆ ไปไม่มีปัญหา ซีรีส์นี้น่าจะกลายเป็นผลงานยอดนิยมอย่างแน่นอน
“เปิดฉากได้ราบรื่น”
หลินเยวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่คือผลงานเรื่องแรกที่แยกออกมาจากบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ในแผนการของเขา บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจะมีผลงานแยกออกมาอีกหลายเรื่อง
หากเรื่องแรกนี้ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อผลงานเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมาได้ ดังนั้นการเริ่มต้นที่ดีเช่นนี้ทำให้หลินเยวียนรู้สึกพึงพอใจไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น…
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความทุกข์ตรมแห่งชีวิตไหลรินสู่แดนบูรพาของซีรีส์เรื่องนี้ยังไม่ได้เริ่มต้น
เนื้อหาตอนหลังจะซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจมาก
อนาคตจะเป็นอย่างไรหลินเยวียนก็ยังบอกไม่ได้ ทว่าโดยรวมแล้วเขาค่อนข้างมองสถานการณ์ไปในเชิงบวก
แม้แต่เรื่องหยางเสี่ยวฝานกับฉินเทียนเกอผู้ชมบนบลูสตาร์ยังยอมรับได้ เรื่องนี้เพียงแค่เล่นให้สุดโต่งขึ้นอีกหน่อย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรล่ะมั้ง?
คิดได้เช่นนั้น
หลินเยวียนก็เดินทางมาถึงบริษัท
ในห้องทำงานของเขา
บนโซฟามีเงาร่างสวยสะคราญคนหนึ่งนั่งอยู่ ดูเหมือนจะรออย่างกระวนกระวายอยู่สักพักแล้ว
ทันใดนั้น
ประตูห้องก็เปิดออก
ร่างนั้นลุกขึ้นทันที มองไปยังหลินเยวียนที่เพิ่งเข้ามาในห้องด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย
“อาจารย์เซี่ยนอวี่!”
“ขอโทษที่ให้รอนานครับ”
หลินเยวียนเอ่ยขึ้น มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ขณะนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายนแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย หญิงสาวตรงหน้าสวมเสื้อโค้ทสีขาวพอดีตัวเพื่อป้องกันความหนาว ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างประณีต มีจมูกโด่งและดวงตากลมโต ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แบบ ‘เทพธิดา’ อย่างแท้จริง
ใช่แล้ว หญิงคนนี้คือ ‘เทพธิดาเปียโน’ กู้ซี
กู้ซีได้รับคำเชิญจากหลินเยวียน
เมื่อพิจารณาจากการที่จงโจวส่งมาถึงสองคน โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นพ่อเพลงซึ่งเชี่ยวชาญเพลงเปียโนคลาสสิก หลินเยวียนจึงตัดสินใจว่าเขาจะนำผลงานของชอแป็งออกมา พร้มอมกับการเปิดตัวเพลงราตรีบรรเลงของประธานโจว!
เขาเลือกให้ชอแป็งต่อสู้กับพ่อเพลงคนดังกล่าว
และผู้ที่จะมาบรรเลงเปียโนก็คือกู้ซี
ถึงอย่างไรกู้ซีก็เป็นนักเปียโนคนเดียวที่หลินเยวียนคุ้นเคย และฝีมือของเธอก็สูงมากพอ
แน่นอนว่าหลินเยวียนสามารถเล่นเองได้ แต่ทักษะการเล่นเปียโนของเขายังอยู่ในระดับมืออาชีพ
เมื่อเทียบกับกู้ซีซึ่งใกล้เคียงกับระดับปรมาจารย์ ยังนับว่าห่างชั้นกันทีเดียว
เพราะฉะนั้น หลินเยวียนจึงคิดว่าเขาควรประหยัดแรงจะดีกว่า
ก็เหมือนกับการเลือกนักร้องที่เหมาะสมกับเพลงนั่นแหละ
หลินเยวียนย่อมต้องเลือกนักเปียโนที่เหมาะสมที่สุดในการเล่นเพลงราตรีบรรเลง
ในเมื่อฝีมือของตนเองแตะไม่ถึงระดับที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดผลงานออกมาได้ดีที่สุดในเวลานี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะฝืน
จะว่าไปแล้ว
เรื่องนี้มีอีกเหตุผลหนึ่งคือ กู้ซีเคยช่วยเหลือหลินเยวียนมาก่อน
ตอนที่ราชวงศ์ปลาอัดเพลง ก็เคยให้เธอมาช่วยเล่นเปียโนในบางส่วนของเพลง
บทเพลงชุดราตรีบรรเลงของชอแป็ง แต่ละเพลงล้วนถือเป็นผลงานชิ้นเอกระดับคลาสสิก
การที่หลินเยวียนจะมอบเพลงเหล่านี้ให้กับนักเปียโนที่มีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม ย่อมสามารถช่วยให้นักเปียโนคนนั้นก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพได้ เนื่องจากการได้บรรเลงเพลงเหล่ามีประโยชน์อย่างมหาศาล!
และประโยชน์เช่นนี้เองนี้ หลินเยวียนเลือกที่จะมอบให้กู้ซี
เมื่อเป็นการช่วยเหลือกัน ก็ต้องมีการให้และตอบแทน มิฉะนั้น แม้ว่าหลินเยวียนจะไม่รู้จักนักเปียโนฝีมือดีคนอื่นๆ แต่หากเขาอยากหา ก็ย่อมทำได้
เขาเชื่อว่าบนบลูสตาร์ไม่มีนักเปียโนคนไหนปฏิเสธเสน่ห์ของเพลงราตรีบรรเลงได้
กู้ซีเอ่ยถามพลางมองไปยังหลินเยวียนด้วยความคาดหวัง
ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากหลินเยวียน เธอรีบยกเลิกธุระหลายอย่าง และรีบตรงไปยังสตาร์ไลท์ก่อนเขาเสียอีก
โดยปกติแล้ว หลินเยวียนจะติดต่อกู้ซีด้วยเหตุผลเพียงสองประการเท่านั้น
เหตุผลแรกคือ หลินเยวียนต้องการความช่วยเหลือ และเหตุผลที่สองคือ หลินเยวียนมีเพลงใหม่
“ผมมีเพลงใหม่สองเพลง อยากจะให้คุณเล่น”
ครั้งนี้เป็นเหตุผลที่สอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่กู้ซีคาดหวังมากที่สุด!
หลินเยวียนหยิบโน้ตเพลงออกมา ซึ่งเป็นเพลงที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า นั่นก็คือเพลงราตรีบรรเลงในตอนนี้มีทั้งหมดสองเพลง
เพลงแรก ‘เพลงราตรีบรรเลงในบันไดเสียงอี-แฟลต เมเจอร์’
เพลงที่สอง ‘เพลงราตรีบรรเลงในบันไดเสียงบี-แฟลต ไมเนอร์’
ความจริงแล้วเพลงราตรีบรรเลงของชอแป็งไม่ใช่ชื่อผลงาน แต่เป็นรูปแบบการประพันธ์เพลงเดี่ยวเปียโนที่มีอยู่บนโลก
นี่คือผลงานซึ่งมีแบบฉบับอันเป็นเอกลักษณ์ของชอแป็ง!
เป็นสไตล์ซึ่งชอแป็งเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้น
และแน่นอนว่าเพลงราตรีบรรเลงไม่ได้มีเพียงแค่สองบทเท่านั้น
มันคือเพลงชุดหนึ่ง และเมื่อรวมกับผลงานล้ำค่าของชอแป็งซึ่งได้รับการรวบรวมโดยคนรุ่นหลังแล้ว เพลงราตรีบรรเลงมีทั้งหมดถึง 21 บท
หลินเยวียนไม่ได้นำเพลงออกมาทั้ง 21 บท
เขาเลือกบทเพลงสองบทนี้ ซึ่งเป็นบทเพลงที่มีความโดดเด่นที่สุดในบรรดาบทเพลงชุดเพลงราตรีบรรเลงของชอแป็ง
แค่สองบทนี้ก็เพียงพอแล้ว
แม้แต่บทเดียวก็เพียงพอ
ส่วนที่เหลือค่อยนำมาเสริมทัพในภายหลัง
เพราะถึงอย่างไรอิทธิพลของเพลงทั้งชุดนี้จะถูกประเมินจากคุณภาพของสองบทนี้เป็นหลัก
หากหลินเยวียนนำเพลงออกมาทั้ง 21 บท คงเป็นเรื่องยากสำหรับกู้ซีที่จะฝึกซ้อมจนเชี่ยวชาญก่อนสิ้นเดือน
หลินเยวียนเองก็ไม่สามารถรอได้นานถึงขนาดนั้น
เขาจึงส่งโน้ตเพลงให้กู้ซีทันที
“ตึกตัก ตึกตัก!”
หัวใจของกู้ซีเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอรีบรับโน้ตเพลงและดูอย่างตั้งอกตั้งใจ!
ผลงานเปียโนของเซี่ยนอวี๋ เธอไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย!
จากการร่วมงานกันในอดีตทำให้กู้ซีรู้ว่า เมื่อใดที่เซี่ยนอวี๋ออกโรงเขียนเพลงเปียโน ผลงานย่อมไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำครั้งนี้ยังมีถึงสองเพลง
“ผมจะเล่นเพลงราตรีบรรเลงในบันไดเสียงอี-แฟลต เมเจอร์ให้คุณดูก่อน”
หลินเยวียนเอ่ยขึ้น จากนั้นเขาก็นั่งลงหน้าเปียโนในห้องทำงาน
ห้องทำงานของหลินเยวียนนั้นกว้างขวางมาก
เปียโนสีขาวตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง
“รบกวนแล้วค่ะ”
กู้ซีรีบเอ่ยขึ้น
หลินเยวียนพยักหน้า ปลายนิ้วของเขาสัมผัสคีย์เปียโนและเริ่มบรรเลงบทเพลง
โน้ตดนตรีเริ่มรินไหล
ท่วงทำนองที่สงบเงียบค่อยๆ ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
ประหนึ่งแสงเทียนที่จุดขึ้นท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด พร้อมกับแสงที่สั่นไหวเบาๆ
กู้ซีฟังการเล่นของหลินเยวียนพร้อมกับอ่านโน้ตเพลงประกอบ
เงียบสงบและเปี่ยมด้วยอารมณ์
ความเศร้าหมองและการครุ่นคิด
เธอราวกับลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไป ลืมแม้แต่ไปว่าเพลงเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ สิ่งเดียวที่รับรู้คือประกายแสงซึ่งสั่นไหวในแววตา
บรรยากาศที่โรแมนติกยากจะอธิบายได้ค่อยๆ แผ่ขยายออกมา
นั่นคือความเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ภายใต้ปลายนิ้วของหลินเยวียน เปียโนถ่ายทอดเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ประหนึ่งกำลังขับขานบทกวี
ความเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีและคุณลักษณะเฉพาะของเปียโนกลมกลืนกันอย่างลงตัว
ราวกับความเศร้าสร้อย
คล้ายการใคร่ครวญด้วยความเคลิ้บเคลิ้ม
จังหวะที่ยาวนานและชวนหลงใหลดุจความฝัน
การบรรเลงในโทนเสียงกลางและต่ำของเปียโนถูกเล่นเร็วบ้างช้าบ้าง เปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจคาดเดา ราวกับมีอารมณ์นับพันที่กำลังปะปนกันเป็นพัลวัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน