ตอนที่ 908 นักรบขี่มังกร
“มาแล้ว!”
ทุกคนหัวใจกระตุกวาบ!
นี่คือนิยายที่ยังไม่ทันเผยแพร่ก็สร้างความคาดหวังอย่างมาก!
มังกรหยกภาคแรกยังคงทิ้งอิทธิพลไว้ไม่เสื่อมคลาย
ไม่มีร้านหนังสือร้านใดกล้าดูแคลนศักยภาพของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีอีกต่อไป และยิ่งไม่มีร้านไหนตั้งข้อสงสัยกับนิยายแนวกำลังภายในอีกต่อไป…
ในบรรยากาศเช่นนี้
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันที่สาม
ยังไม่ทันที่แสงอาทิตย์จะขึ้นเต็มที่
เหล่านักอ่านก็พากันออกจากบ้านอย่างกระตือรือร้น!
ที่หน้าร้านหนังสือขนาดใหญ่บางแห่ง
มีผู้อ่านจำนวนมากต่อคิวยาวเหยียดจนแลดูราวกับขบวนเรือมังกร!
ตามหน้าร้านหนังสือใหญ่ๆ
ป้ายตั้งและแผ่นป้ายโฆษณาถูกจัดวางและแขวนขึ้นล่วงหน้า
มีทั้งข้อความอย่าง ‘หนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่’
‘ภาคต่อมังกรหยกวางจำหน่ายแล้ว’ หรือแม้แต่ ‘ผลงานนิยายแนวกำลังภายในเรื่องที่สองของฉู่ขวง ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี ภาคต่อของมังกรหยก’ เป็นต้น
…
ที่ร้านหนังสือหวาซิน
“ทุกท่านอย่าเบียดกันค่ะ!’
“ขอความกรุณาทุกท่านต่อแถวซื้อหนังสืออย่างเป็นระเบียบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ!”
“รอบนี้หนังสือพอขายไหม?”
“อย่าบอกนะว่าสินค้าหมดสต็อกอีก ต้องรอเติมของ เสียเวลาฉันเปล่าๆ ”
“วางใจได้เลยค่ะ!”
“รอบนี้เราสต็อกแน่นหนา ไม่มีปัญหาแน่นอน เรารู้ดีถึงความตื่นเต้นที่ทุกคนมีต่อศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี!”
…
ร้านหนังสือหลงเสียง
“ร้านเปิดแล้ว ร้านเปิดแล้ว!”
“ทำไมถึงเพิ่งเปิดตอนเจ็ดโมง!”
“ฉันมาถึงตั้งแต่หกโมง ต้องยืนรอเก้ออยู่หน้าร้านตั้งชั่วโมงหนึ่ง”
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่”
“ผมมาตั้งแต่ตีห้าเลยนะ!”
“โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน ไม่งั้นคงกังวลมากว่าจะไม่ได้หนังสือ”
…
ร้านหนังสือปาฟาง
“เริ่มต่อคิวแล้ว!”
“ฉันเห็นหนังสืออยู่ข้างในแล้ว!”
“โห!”
“ชั้นวางสามแถวหน้าของร้านใหญ่ปาฟางเต็มไปด้วย ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีทั้งหมด ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!”
“หนังสือเรื่องอื่นถูกย้ายไปเข้ามุมกันหมด!”
“แม้แต่หนังสือขายดีของหนานจี๋ ยังต้องถูกดันไปอยู่ชั้นวางด้านหลังเลย!”
…
ศูนย์หนังสือจิ้งอัน
“ขอศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีสองเล่มครับ!”
“ฉันก็ขอหนังสือของเจ้าแก่ฉู่ขวงหนึ่งเล่มค่ะ!”
“ขอร้องละฉู่ขวง อย่าสนใจความรู้สึกของผมเลย ตอนนี้ภูมิต้านทานผมสูงมาก รับมือได้แน่นอน ขอให้เล่มนี้จัดหนักใส่พวกคนจ้าวให้เต็มที่!”
“ฮ่าๆๆ พรรคพวก คิดเหมือนกันเลย!”
“คนจ้าวอวดดีเกินไปแล้ว!”
“พวกคุณจะจบไม่จบ ฉันนี่แหละคนจ้าว ฉันไม่กลัวดราม่าหรอก!”
…
ตั้งแต่เช้าจรดเที่ยง บรรยากาศความโกลาหลนี้ได้เกิดขึ้นในร้านหนังสือหลายแห่ง!
ไม่มีใครเสียเวลายืนอ่านก่อนซื้อ รอบนี้ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นในตัวฉู่ขวงจะเพิ่มขึ้นอีกระดับ!
กว่าร้อยละ 95 ของลูกค้าล้วนแต่รีบหยิบหนังสือแล้วตรงดิ่งไปที่แคชเชียร์ทันที!
จ่ายเงินเสร็จแล้วรีบกลับไปอ่านต่อที่บ้านอย่างรวดเร็ว!
ในครั้งนี้ร้านหนังสือต่างๆ ก็เตรียมสินค้าไว้มากมายเพียงพอเช่นกัน
ทุกครั้งที่ชั้นวางหนังสือเริ่มว่าง ก็จะมีพนักงานหลายคนซึ่งรออยู่แล้วรีบแบกกล่องหนังสือใหม่ที่ยังไม่ได้แกะออกมาวางเติมบนชั้นอย่างคล่องแคล่ว
ความถี่ของการเติมสินค้าเหล่านี้สูงมาก
ชั้นวางหนังสือจะถูกกวาดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน
พนักงานบริการเหนื่อยกันแทบแย่ ยังไม่นับพนักงานแคชเชียร์ที่เก็บเงินกันจนมือเป็นระวิง
นี่เป็นครั้งแรกที่ยอดขายวันแรกของหนังสือใหม่ของฉู่ขวงทำได้ดีที่สุด
ก่อนหน้านี้ แม้หนังสือของฉู่ขวงจะขายดี แต่ก็มักต้องใช้เวลาสักพักเพื่อสร้างกระแส
หลังจากคำวิจารณ์และเสียงชื่นชมเริ่มแพร่หลาย ร้านหนังสือต่างๆ จึงจะได้ประสบพบเจอกับช่วงพีคของยอดขาย
ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป!
เนื่องจากความเชื่อมโยงของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีกับมังกรหยกภาคแรกทำให้ผู้อ่านเกิดความกระตือรือร้นในการซื้อหนังสือแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน!
…
คลังหนังสือซิลเวอร์บลู
แผนกที่เกี่ยวข้องรับโทรศัพท์จากร้านหนังสือต่างๆ ทั่วทั้งบลูสตาร์อย่างต่อเนื่อง
“เราต้องการเติมสต็อก!”
ในตอนนั้นเองหยางเฟิง บรรณาธิการคนแรกของฉู่ขวงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงลังเล
“ที่ผมอยากแนะนำให้ทุกคนลองอ่านหนังสือจนจบดูนะครับ”
บรรณาธิการคนหนึ่งทำหน้าสับสนและพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“ปัญหาคือจะอ่านต่อได้ยังไงในเมื่อมันหนักขนาดนี้”
หยางเฟิงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่มั่นใจ
“ผมก็เคยรู้สึกแบบนั้น ตอนที่เจอฉากสะเทือนใจพวกนั้น ผมเองก็แทบรับไม่ไหวเหมือนกัน แต่พออ่านจนจบ กลับรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไป เป็นความรู้สึกที่ถ้าไม่อ่านจนจบก็คงจะสัมผัสไม่ได้ และมันทำให้ผมแอบรู้สึกว่า…”
เหล่าสยง เงยหน้าขึ้นมองหยางเฟิงก่อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง:
“นายรู้สึกยังไง?”
หยางเฟิง ตอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ผมรู้สึกว่าฉู่ขวงไม่ได้เขียนเนื้อหาให้สะเทือนใจโดยไม่มีเหตุผล เขาตั้งใจเขียนแบบนี้จริงๆ แต่ในความตั้งใจนั้น ผมคิดว่าเขาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน เพราะเขาไม่มีทางเลือก เขาทำได้แค่เขียนแบบนี้ และนี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่…”
“ไม่ใช่มั้ง?”
บรรณาธิการคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านข้างขัดจังหวะขึ้นมาทันที “ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเราเจอฉากนักรบขี่มังกร ทั้งแผนกคุณเป็นคนที่ด่าฉู่ขวงแรงที่สุด แล้วทำไมนายถึงกลับคำแบบนี้?”
“ผมยังคงยืนยันคำเดิม” หยางเฟิงมองลึกเข้าไปในแววตาของทุกคนก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น:
“คุณต้องอ่านนิยายเรื่องนี้จนจบถึงจะเข้าใจว่ามันยอดเยี่ยมขนาดไหน”
เหล่าสยงคล้ายกับกำลังขบคิด
อันที่จริงแม้เขาจะยังอ่านศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีไม่จบ แต่ในเช้าวันนี้ เขาก็ได้กัดฟันอ่านจนถึงตอนที่ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งสัญญากันว่าจะพบกันอีกครั้งในอีกสิบหกปี
ฉากนี้ทำให้เหล่าสยงรู้สึกสะเทือนใจในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหล่าสยงรู้สึกว่าหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร
แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ความโกรธเกรี้ยวที่เคยมีต่อเนื้อเรื่องบางตอนของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีได้จางหายไปอย่างไม่รู้ตัว
บางทีอาจจะจริงอย่างที่หยางเฟิงพูด
เขาควรอ่านให้จบก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาประเมินอีกครั้ง
ทว่าบรรดาบรรณาธิการคนอื่นๆ กลับเบ้ปาก พวกเขามองหยางเฟิงอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าหยางเฟิงกำลังแสดงบทบาท ฝ่ายประชาสัมพันธ์แบบเนียนๆ ถึงขนาดพยายามรับบทฝ่ายประชาสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงานเขาเอง!
“เชื่อแกก็ผีล่ะสิ!”
บรรณาธิการหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เริ่มอัปเดตติดตามความเคลื่อนไหวของผู้อ่านบนโลกออนไลน์
ตามเวลาแล้ว ตอนนี้น่าจะมีผู้อ่านบางคนอ่านถึงฉากที่เซียวเหล่งนึ่งสูญเสียโส่วกงซาไปแล้ว
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพียงแค่กวาดตามองความคิดเห็นในเว็บไซต์บริษัท บรรณาธิการคนหนึ่งก็ถอนหายใจและพูดว่า “เริ่มแล้วสินะ”
บนกระดานข้อความของบริษัทคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเต็มไปด้วยความคิดเห็นจากผู้อ่าน…
ความคิดเห็นหนึ่งที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์สะดุดตาอย่างมาก
‘เจ้าแก่ฉู่ขวง!!!! ถ้าไม่ฆ่าแก ฉันคงไม่หายแค้น!!!! เซียวเหล่งนึ่งถูกตัวร้ายล่วงเกินเข้าแล้ว!!!!!!?’
เหล่าบรรณาธิการพากันเงียบกริบ
หัวใจของเหล่าสยงเต้นไม่เป็นส่ำเล็กน้อย
สิ่งที่ต้องมาถึงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เหตุการณ์ ‘ประตูมังกร’ ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ…
…………………………………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...