ตอนที่ 920 คู่หูคู่รับเงิน
มาแล้ว!
ทันทีที่ปู้ลั่วประกาศเปิดตัวภาพยนตร์นางพญาคมดาบ วงการบันเทิงก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มอย่างรู้ทัน
ในขณะเดียวกัน
ชาวเน็ตก็มองออกทันทีว่าปู้ลั่วกำลังคิดจะทำอะไร
ก่อนหน้านี้ ซีรีส์แนวกำลังภายในของปู้ลั่วเคยถูกสตาร์ไลท์เล่นงานอย่างหนัก ครั้งนี้พวกเขาต้องการจะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน!
ทันใดนั้นเอง!
สื่อต่างๆ ก็เริ่มโหมกระแส จุดประเด็นความขัดแย้ง
ข่าวต่างๆ พากันปั่นให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ
และท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นดินปืนเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเดินหน้าโปรโมตภาพยนตร์ของตนเองอย่างเต็มที่
เมื่อหลินเยวียนได้รับรู้เรื่องนี้ เขากลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
เพราะเขามั่นใจในภาพยนตร์เรื่องผีชีวะ
เนื่องจากแนวคิดของซอมบี้ที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้ชมชาวบลูสตาร์!
จากการศึกษาของหลินเยวียน
เขาพบว่าในบลูสตาร์ไม่มีแนวคิดของซอมบี้โดยละเอียด!
แม้ว่าคนที่นี่จะรู้จักคำศัพท์เฉพาะอย่าง ‘ซอมบี้’ อยู่บ้าง แต่อันที่จริงสิ่งพวกเขาหมายถึงก็คือ ‘ผีดิบ’
ใช่แล้ว
ในความเข้าใจของชาวบลูสตาร์ ซอมบี้ก็คือผีดิบ!
แม้ชื่อจะต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ของแนวคิดนั้นแตกต่างกันมาก!
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ
การจัดการกับผีดิบมักต้องใช้วิธีพิเศษเช่นไสยศาสตร์ กระสุนปืนธรรมดามักจะใช้ไม่ได้ผล
ซอมบี้มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
สิ่งมีชีวิตประเภทนี้จะล่าและกัดกินมนุษย์ พวกมันแพร่เชื้อได้ง่าย แต่สามารถจัดการได้ด้วยกระสุนปืนได้หากมีมากพอ
ด้วยเหตุนี้เอง
โดยปกติผีดิบมักจะปรากฏตัวเป็นรายบุคคลในภาพยนตร์สยองขวัญของบลูสตาร์
เช่น อาจมีวิญญาณเข้าสิงร่างคนตาย แล้วทำให้มันคืนชีพขึ้นมาอาละวาดในรูปแบบของศพเดินได้
ในความเป็นจริง แม้แต่ในโลกเดิม แนวคิดของซอมบี้ก็เพิ่งแพร่หลายเข้าสู่แดนมังกรหลังจากที่ภาพยนตร์และเกมอย่างผีชีวะได้รับความนิยม
ก่อนหน้านั้น
คำว่าซอมบี้ที่ผู้คนจากแดนมังกรเข้าใจก็คือผีดิบในลักษณะเดียวกัน
แม้แต่ในภายหลัง เมื่อแนวคิดของซอมบี้จากต่างประเทศถูกนำเข้าสู่แดนมังกร บางครั้งการแปลภาษาก็ยังคงใช้คำว่า ‘ผีดิบ อยู่
ทั้งที่จริงๆ แล้วผีดิบและซอมบี้นั้นมีความแตกต่างกันโดยพื้นฐาน
ภาพยนตร์ผีชีวะนี้จะเป็นเรื่องแรกที่นำเสนอแนวคิดของซอมบี้ให้แก่ผู้ชมในบลูสตาร์
นอกจากนี้
ในหนังยังมีการกล่าวถึงแนวคิดของระบบราชินีแดงและองค์ประกอบอื่นๆ ของผลงานแนวไซไฟ
การให้ปัญญาประดิษฐ์ปรากฏตัวในฐานะวายร้ายของเรื่อง เป็นสิ่งที่ดูน่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะฉากสุดคลาสสิกอย่างเลเซอร์ที่ตัดร่างมนุษย์เป็นชิ้นๆ
น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้เสียอีก
เพราะนั่นคือความสิ้นหวังที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้อย่างแท้จริง
และไม่เพียงเท่านั้น หลินเยวียนยังเพิ่มงบลงทุนให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อยกระดับฉากให้อลังการขึ้นจากเวอร์ชันดั้งเดิม ในฐานะที่เป็นภาพยนตร์ชุด เงินลงทุนของภาพยนตร์เรื่องผีชีวะนั้นไม่สูงนัก เมื่อนำงบประมาณทั้งหมดของทุกภาคมารวมกันแล้ว เทียบเคียงได้กับเงินลงทุนของภาพยนตร์ของจักรวาลมาร์เวลเพียงเรื่องเดียว และด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณ
ภาคหลังๆ ของผีชีวะจึงมีคุณภาพที่แย่ลงเรื่อยๆ
หลินเยวียนเพิ่มงบลงทุนให้มากขึ้นมหาศาล
การเพิ่มงบลงทุนส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของฉากที่ยิ่งใหญ่ขึ้น จำนวนซอมบี้ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล อีกทั้งเอฟเฟกต์พิเศษก็ได้รับการยกระดับให้สมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้สุนัขหรือซอมบี้บอสตัวสุดท้าย ทุกอย่างล้วนก็ล้วนทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นกว่าต้นฉบับ
การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนไปประมาณสามร้อยล้านหยวน
และเมื่อนับรวมกับงบประมาณในการโปรโมตที่กำลังดำเนินอยู่ ตอนนี้ตัวเลขคาดว่าจะพุ่งสูงถึงสี่ร้อยล้านหยวนแล้ว
แม้ว่าจะยังเทียบไม่ได้กับนางพญาคมดาบที่ทุ่มทุนสร้างสูงถึงเจ็ดร้อยล้านหยวน และบวกค่าโปรโมตเข้าไปก็คงทะลุแปดร้อยล้านหยวนได้แบบสบายๆ
แต่ถึงอย่างนั้นผีชีวะก็ยังนับว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีการลงทุนมหาศาลเลยทีเดียว
ดังนั้น
หลินเยวียนจะไม่สนใจเรื่องการตลาดมากนัก และยังมุ่งมั่นกับการเขียนดาบมังกรหยกต่อไป
ทว่าทางฝั่งแสตาร์ไลท์กลับเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขากลับตื่นตัวและเพิ่มงบโปรโมตอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากพ่ายแพ้ปู้ลั่ว
และแล้ว
ในช่วงเวลาที่หลินเยวียนกำลังทุ่มเทให้กับการเขียนดาบมังกรหยก
เมื่อหลินเยวียนเขียนดาบมังกรหยกได้ครึ่งทาง เวลาก็เดินทางมาถึงช่วงปลายเดือน ผีชีวะเข้าฉายแล้ว!
…
ในวันนี้
ที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง
บนหน้าจอขนาดใหญ่ในโถงกลาง โปสเตอร์ของผีชีวะปรากฏอย่างเด่นชัด
บนโปสเตอร์นั้น ซย่าฝานซึ่งเป็นนางเอกสวมชุดชุดเดรสสีแดงเผยให้เห็นรูปร่างที่สมส่วนและงดงาม ให้ความรู้สึกเท่และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน
บริเวณเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว
มีผู้ชมจำนวนมากกำลังซื้อตั๋วภาพยนตร์ผีชีวะกันอย่างคึกคัก
ที่เก้าอี้นวดอัตโนมัติในโรงฉาย ชายสองคนนั่งถือตั๋วหนังผีชีวะอยู่ในมือ และกำลังสนทนากัน
ระยะนี้ยังมีข่าวลืออีกว่า
เทคโนโลยีการรับชมระบบสามมิติแบบไม่ต้องใช้แว่นอาจเข้าสู่ครัวเรือนในไม่ช้า
นอกจากนี้ แม้แต่เทคโนโลยีภาพระดับอัลตราเอชดีซึ่งเคยเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะโรงภาพยนตร์ อาจถูกติดตั้งลงในโทรทัศน์สำหรับใช้ในบ้านของคนทั่วไป…
เมื่อเข้าสู่โรงฉาย
ถูเจิ้งและเจี่ยฮ่าวเหรินนั่งลงและเปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กของพวกเขาพร้อมกัน
การวิจารณ์เชิงลบก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง นักวิจารณ์ภาพยนตร์จำเป็นต้องสรรหาเหตุผลและหลักฐานมารองรับ
ดูภาพยนตร์ให้จบก่อนจึงค่อยตัดสินใจคือหลักการพื้นฐานของพวกเขา และเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากพวกนักเลงคีย์บอร์ดที่พร้อมจะด่าก่อนดู ดังนั้น แทนที่จะรับชมภาพยนตร์เพื่อความบันเทิงและผ่อนคลายเหมือนผู้ชมทั่วไป พวกเขากลับต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรับชมอย่างจริงจัง
ระหว่างช่วงโฆษณาก่อนภาพยนตร์เริ่มฉาย
จู่ๆ ถูเจิ้งก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าตัดเรื่องจุดยืนออกไป หนังสองเรื่องนี้ คุณคิดว่าเรื่องไหนจะเป็นบล็อกบัสเตอร์”
“ไม่มีเรื่องไหนเป็นบล็อกบัสเตอร์หรอก”
เจี่ยฮ่าวเหรินหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหนังแนวตัวเอกหญิงนะ แต่คุณลองคิดดูดีๆ บนบลูสตาร์ เคยมีหนังแนวนี้ที่ทำรายได้ถล่มทลายบ้างไหม?”
“นั่นก็จริง”
ถูเจิ้งพยักหน้า แม้ว่าจำนวนผู้ชมชายหญิงในโรงหนังจะไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ภาพยนตร์ที่มีตัวเอกหญิงกลับไม่เคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายมาก่อน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ถูเจิ้งเปลี่ยนคำถาม “ถ้าเทียบแค่สองเรื่องนี้ล่ะ?”
เจี่ยฮ่าวเหรินตอบ “ถ้าวิเคราะห์จากปัจจัยทั่วไป ผมคิดว่าปู้ลั่วได้เปรียบแน่ๆ แต่ถ้าพิจารณาถึงฝีมือการเขียนบทของเซี่ยนอวี๋ละก็ ผมว่าเดาผลลัพธ์ไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
“เห็นด้วย”
ถูเจิ้งเอ่ยอย่างจริงจัง “ถึงแม้ผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยนอวี๋ถึงเลือกทำหนังที่ใช้ซอมบี้เป็นจุดขาย แต่คุณก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนของที่ธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งพิเศษได้ อย่างสไปเดอร์แมน ใครจะไปคิดว่าเขาจะสร้างฮีโร่ข้างบ้านออกมาล่ะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ผมสงสัยว่า เขาอาจจะเลือกจุดเริ่มต้นของเรื่องที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง เพียงแต่ว่า จุดเริ่มต้นนั้นคืออะไร ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลย”
“ถูกต้อง”
เจี่ยฮ่าวเหรินพยักหน้า
แม้พวกเขาทั้งคู่จะรับเงินจากปู้ลั่ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเชื่อมั่นในนางพญาคมดาบไปเสียทั้งหมด
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพวกเขาจะได้เงินหรือไม่
เพราะไม่ว่าผลลัพธ์ของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ได้เงินครบถ้วนอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถประเมินอย่างเป็นกลางได้
เอาเถอะ
ในฐานะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ พวกเขามีความสามารถระดับมืออาชีพ และมีอิทธิพลในด้านงานวิจารณ์ภาพยนตร์ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นปู้ลั่วคงไม่เลือกพวกเขามาทำงานนี้
ขณะนั้นเอง
ไฟในโรงฉายค่อยๆ หรี่ลง
ผีชีวะกำลังจะเริ่มต้น!
……………………………………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...