หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 29

ตอนที่ 29 ไม่ใช่เรื่องของคุณ

จู่ๆสมองของเธอก็นึกถึงกวินขึ้นมาก่อนจะกระตุกยิ้ม ในใจชื่นชมลูกรักอย่างยิ่ง สงสัยกลับไปคงต้องให้รางวัลอย่างงาม

“กรี้ด!!”ใบหน้าของวาดฝันเจ็บปวดไปหมด ตาของเธอที่ถูกน้ำพวกนั้นพ่นใส่หน้าก็แสบมาก หญิงสาวรีบเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

หลังจากล้างหน้าไปสักพัก ดวงตาของวาดฝันก็ไม่ค่อยแสบอีกแล้ว

เมื่อเงยหน้าส่องกระจก เธอก็พบว่าพวกของเหลวหลากสีสันนั่นยังอยู่บนหน้าเธอไม่หายไปแม้แต่น้อย ทำให้ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูตลกจนนึกถึงใบหน้าเดิมไม่ออก

“กรี้ด!!”หญิงสาวโมโหกระทืบเท้าไม่หยุด เธอโมโหจนอยากจะตบหน้าวรินทรให้หายแค้นใจสักครั้ง

วรินทรฉวยโอกาสนี้เดินกลับเข้างานเลี้ยงทันที ในงานเริ่มจะเปิดฟลอร์เต้นรำกันแล้วทำให้เวลานี้แขกเหรื่อทั้งหลายต่างก็ควบคู่กันออกไปวาดลวดลายกันบนฟลอร์

หลังจากกวาดสายตาจนทั่ววรินทรก็พบร่างสูงของทาวัตนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เธอไม่ทันรู้ตัวก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทาวัตเสียแล้ว

ทาวัตตบที่นั่งข้างกายเขาเบาๆเป็นนัยให้เธอนั่งลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงไฟในห้องจัดงานหรือเปล่าที่ทำให้ดวงตาของเขาดูอ่อนโยนลงขนาดนี้

วรินทรลังเลอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆเขา เมื่อนึกถึงบทเรียนที่เธอมอบให้วาดฟันเมื่อครู่ริมฝีปากอิ่มก็ยกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกถึงการตายของทมยันตีแล้วดวงตาของเธอก็เศร้าหมองอีกครั้ง

ทาวัตสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดีหรือไม่ แต่ว่าในใจของเขากลับบอกว่าอย่าเอ่ยถามมันออกไปจะดีกว่า

“ริน”เสียงเรียกของชยุตทำให้วรินทรที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว เธอปรายตามองเขาก่อนจะเอ่ยคำพูดห่างเหินออกมา“มีธุระอะไรหรือคะ?”

ทาวัตส่งสายตาเตือนชยุตในที ทำให้ชายวัยกลางคนเกิดความระแวง เขาค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง“ขอพ่อคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม”

วรินทรเหลือบมองทาวัตเล็กน้อย เมื่อเธอไม่เห็นเขาว่าอะไรจึงเดินตามชยุตออกไป

วรินทรนั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชยุตในห้องรับรองแขกเล็กๆแห่งหนึ่ง เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนกับกำลังมองดูคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน

ชยุตไม่ได้สนใจท่าทางไร้มารยาทของวรินทรแม้แต่น้อย“ลูกออกจากบ้านไปตั้งห้าปี ทุกคนในบ้านต่างก็คิดถึงและเป็นห่วงลูกด้วยกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้เห็นว่าลูกมีชีวิตที่ดีพ่อก็วางใจ...จริงสิ หลายปีมานี้ลูกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ใช่หรือไงคะ?”

“ริน กลับมาอยู่ที่บ้านเถอะ”ชยุตไม่ได้แสดงสีหน้าโมโหแต่อย่างใด เขายังคงรักษาหน้ากากผู้เป็นพ่อไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

“ฉันใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็ดีอยู่แล้วจะกลับไปทำไมกัน?”

“อยู่ข้างนอกจะสู้อยู่ในบ้านได้อย่างไงกัน ลูกเป็นผู้หญิงอยู่ข้างนอกคนเดียวเกิดเจออันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”ชยุตทำท่าทางห่วงใจเสียจนเหมือนกับว่ากำลังเป็นห่วงเธอจริงๆ

วรินทรอย่างจะหัวเราะออกมาดังๆ เคยเห็นแต่คนโกหกไม่ต้องคิดผ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่เคยเห็นคนที่โกหกแล้วมาย้อนกลับแก้ตัวให้ตัวเองอีกทีเหมือนอย่างผู้ชายคนนี้เลยสักคน

“คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าขำเลยหรือคะ หลายปีก่อนที่คุณโยนฉันที่บาดเจ็บออกไปหน้าบ้านพูลสวัสดิ์คุณเคยคิดว่าฉันจะเป็นอย่างไรต่อไปหรือเปล่า พอมาตอนนี้กลับมาพูดจากลับกลอกเสแสร้ง จะว่าไปคุณก็หน้าหนาใช้ได้เลยนะ”

วรินทรระบายคำพูดที่อัดอั้นอยู่ในใจเธอมาหลายปีพูดออกมาจนหมด

ชยุตใบหน้าชา ดวงตาแข็งกร้าว“นั่นคือคำพูดที่สมควรพูดกับคนเป็นพ่องั้นหรือ”

“ฉันพูดจาไม่น่าฟังหรือว่าคุณกล้าทำไม่กล้ารับกันแน่คะ หรือว่าถูกจี้ใจดำเลยโกรธขึ้นมากันแน่ล่ะคะ”วรินทรพูดจบก็หันกายเดินจากไปไม่แม้แต่จะเหลือมองมาที่ชยุตที่ตอนนี้ใบหน้าเขียวคล้ำไปหมดแล้ว

เมื่อกลับถึงฟลอร์เต้นรำ เธอสามารถมองเห็นทาวัตได้ในทันทีที่เข้ามาเพราะตอนนี้ร่างสูงของเขามีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ นอกจากผู้หญิงพวกนั้นก็ยังมีผู้ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา หน้าคุ้นมากแต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร

เมื่อเธอเดินเข้าก็มาใกล้จึงเห็นว่าตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวเปิดเผยเสียจนเกือบจะเปลือยเปล่าเอนกายแทบจะซบอกของทาวัตอยู่แล้ว วรินทรนึกอยากจะไปกระชากร่างของผู้หญิงคนนั้นออกมาจากเขาเสียเดี๋ยวนี้!

ราวกับเวลาเดินช้าลง วรินทรค่อยๆเดินเข้ามาในตอนนั้นเองที่ทาวัตก็หันมาเห็นเธอเข้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์