หม่าอี้ฉวินกลับออกจากห้องทำงานบอสเผย เขารู้สึกสับสนน้อยลงจากเดิม
เขากลับไปที่ชั้นบน เดินผ่านแผนกบรรณาธิการ เห็นเหล่าบรรณาธิการรุ่นใหม่กำลังแก้ต้นฉบับกันอย่างจริงจัง
เด็กจบใหม่เหล่านี้ให้ความสำคัญกับงานนี้มาก
ในเมืองระดับสองอย่างจิงโจว อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนำสมัยยังไม่ค่อยพัฒนาไปไกลมากนัก ธุรกิจที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตก็มีไม่มาก งานหลักๆ จะอยู่ในอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมากกว่า
งานในอุตสาหกรรมดั้งเดิมเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องการจับเด็กจบใหม่มาทรมาน
ธรรมเนียมปฏิบัติ ระบบลำดับชั้น เนื้อหางานน่าเบื่อ… เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการทำงานในอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้
ตอนแรกเด็กจบใหม่เหล่านี้รู้สึกสับสนกับเส้นทางในอนาคตของตัวเอง
ไม่มีใครเขียนรับรองให้เรียนต่อชั้นปริญญาโท สอบเข้าก็ไม่ผ่าน แถมยังหางานที่ตัวเองสนใจไม่ได้อีก
บริษัทในอุตสาหกรรมดั้งเดิมต่างดูถูกพวกเขา พวกเขาจึงดูถูกงานคร่ำครึเหล่านั้นกลับ ทั้งสองฝั่งเกลียดขี้หน้ากัน
พวกเขาเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันใช้ชีวิตอย่างสบายใจหลังจากหางานได้และยื่นเรียนต่อผ่าน บางคนได้เงินเดือนตั้งต้นสูงมากจนเป็นที่อิจฉาของใครหลายคน
กลับกันแล้ว พวกเขาไม่ได้รับการตอบรับเลย ไปสัมภาษณ์กี่ครั้งก็โดนปฏิเสธกลับมา พวกเขารู้สึกเหมือนโยนเรซูเม่ลงทะเลลึก ใครจะรู้กันว่าพวกเขารู้สึกกดดันแค่ไหน
ตอนแรกบางคนตั้งใจจะลองสอบใหม่ บางคนตั้งใจจะกลับบ้านเกิด ไม่มีใครคิดเลยว่าเหตุการณ์จะพลิกผันแบบนี้!
บังเอิญมีเว็บไซต์เปิดใหม่และมาจ้างพวกเขาทุกคน แถมยังได้ทำงานบรรณาธิการที่ค่อนข้างตรงสายที่จบมา ถือว่าโชคดีกันสุดๆ!
ช่วงแรกบางคนไม่ชอบงานนี้และแอบดูถูกเว็บโนเวลด้วยซ้ำ แต่พอได้คุยกับเพื่อนเกี่ยวกับงานที่แต่ละคนทำอยู่ พวกเขาก็ตระหนักว่างานของตัวเองนั้นดีมากๆ!
เงินเดือนที่ได้ถือว่าสูงทีเดียวถ้าเทียบกับงานอื่นในเมืองจิงโจว
ด้านเนื้อหางาน ถึงการตรวจต้นฉบับจะเยอะและน่าเบื่อไปบ้าง แต่ก็น่าสนใจกว่าการเป็นพนักงานจัดการทั่วไปในออฟฟิศอื่นๆ
นอกจากนั้น บอสของพวกเขาก็ยังหนุ่มและคุยง่าย บรรยากาศการทำงานเป็นไปอย่างปรองดอง ปราศจากความเครียด ทุกคนชอบงานใหม่ของตัวเองกันอย่างรวดเร็วและเริ่มตั้งใจทำงานเพื่อเปลี่ยนสถานะจากเด็กจบใหม่ไปเป็นคนทำงาน
ตอนที่หม่าอี้ฉวินเดินเข้าออฟฟิศ ชายร่างเล็กคนหนึ่งก็รีบลุกยืนขึ้นทันที “พี่หม่า พวกผมตรวจต้นฉบับวันนี้หมดแล้วครับ”
หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “ดีมาก อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลย เดี๋ยวสักพักจะเรียกทุกคนมาประชุมนะ”
ชายหนุ่มที่ลุกขึ้นยืนชื่อจูซิงอัน เป็นคนที่สดใสร่าเริงที่สุดให้กลุ่มเด็กจบใหม่ที่รับเข้ามา ไม่เอ๋อเหมือนคนอื่นๆ และฉลาดกว่าเยอะเลยทีเดียว เขาเป็นหนึ่งในบรรณาธิการไม่กี่คนที่หม่าอี้ฉวินพอใจในผลงาน
จูซิงอันจบมาด้วยเกรดที่แย่มาก ขนาดตอนกำลังจะจบปีสี่ยังติดเอฟถึงสามตัว จึงต้องจบช้ากว่าคนอื่น
แม้ข้อสอบคณะสายศิลป์จะไม่ได้ยากมาก แต่เขาก็สอบตกถึงสามวิชาก่อนหน้าที่จะเรียนจบ เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้เกลียดการเรียนแค่ไหน
การยื่นจบล่าช้าทำให้จูซิงอันจะได้ใบปริญญาตอนปลายปี แต่หม่าอี้ฉวินก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก สำหรับเขาแล้ว เกรดไม่ใช่ตัวชี้วัดสำคัญว่าคนคนหนึ่งจะเก่งเรื่องการตรวจแก้งานหรือเปล่า มันไม่ได้มีความเชื่อมโยงกันขนาดนั้น
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย จูซิงอันชอบอ่านเว็บโนเวลและเล่นเกมมาก เขามีความสนใจหลากหลาย ทำให้เรียนรู้งานบรรณาธิการได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
หม่าอี้ฉวินตั้งใจว่าพอผลงานของจูซิงอันเป็นที่น่าพอใจเมื่อไหร่จะเลื่อนขั้นให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการหมวดนิยายยอดนิยม จะได้แบ่งเบาภาระของเขาไปได้บ้าง
หลังจากกลับไปถึงโต๊ะทำงานและจัดแจงอะไรเล็กน้อย หม่าอี้ฉวินก็เรียกเหล่าเด็กปั้นที่มีโอกาสจะได้เป็นหัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการในอนาคตมาเข้าประชุมเพื่อที่จะได้แจ้งคำสั่งจากบอสเผย
ต่อไปพวกเขาจะลดเกณฑ์การรับต้นฉบับลง โดยจะดึงนักเขียนให้เข้ามาทำงานรับเงินเดือนประจำ เป้าหมายของพวกเขาคือหานิยายมาลงเว็บให้ได้ตามเป้า
หลังจากนั้นหม่าอี้ฉวินก็พูดถึงปัญหาเรื่องที่พวกเขาไม่ค่อยมีงานให้ทำ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี