วันที่ 13 กรกฎาคม ช่วงเช้า
ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก
หลี่สือนั่งจิบกาแฟเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง
“ร้านนี้คึกคักขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย แต่…ฉันก็ยังชอบแบบก่อนมากว่า”
หลี่สือถอนหายใจเบาๆ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกับบอสเผยคิดเหมือนกันในจุดนี้
รอบก่อนเขาเจรจาธุรกิจกับบอสเผยไม่สำเร็จ หลี่สือรู้สึกหงุดหงิดใจมากจึงไม่ได้มาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกว่าสัปดาห์ แต่เขาก็ยังไม่ท้อ ยังคงมีหวังว่าในอนาคตจะเจรจาได้สำเร็จ
อีกอย่างตอนที่ไม่มีอะไรทำ เขาก็มานั่งจิบกาแฟที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว
ดังนั้นวันนี้หลี่สือจึงมาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู เขาอยากมาดูว่าตอนนี้ร้านเป็นยังไงบ้าง
สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
เขารู้ว่าช่วงดึกน่าจะมีลูกค้าเยอะกว่านี้ เลยเลือกมาช่วงเช้าวันอังคารแทน
หลี่สือไม่คิดว่าช่วงเช้าวันทำงานจะมีลูกค้าเยอะขนาดนี้
บางคนมานั่งจิบกาแฟอ่านหนังสืออยู่โซนคาเฟ่ บ้างก็มาถ่ายรูป บ้างก็มาเล่นอินเทอร์เน็ต
ดูเหมือนว่ากิจการร้านกำลังไปได้สวย
ช่วงเช้าก็พอทำเงินได้ ส่วนช่วงกลางคืนก็ได้กำไรจากส่วนแบ่งทิปนักร้อง
หลี่สือคิดว่าตอนนี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักน่าจะพลิกมาทำกำไรได้แล้ว ส่วนจะได้มากเท่าไหร่นั้นบอกได้ยาก แต่ก็มั่นใจว่าต้องทำกำไรได้แน่
ส่วนตัวแล้วยังไงเขาก็ยังชอบร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแบบเมื่อก่อนมากกว่า
เพราะแสนจะเงียบ ไม่มีใครมารบกวน
แน่นอนว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูตอนนี้ก็ไม่ได้มีลูกค้าเยอะขนาดทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อเข้ามาในร้าน แต่ก็ไม่ได้สงบสุขเหมือนเมื่อก่อน
หลี่สือยกกาแฟขึ้นจิบ ในใจรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
บอสเผยไม่ได้มาที่ร้าน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่เจ้าคนหน้ายาวใหญ่กับผู้จัดการเขตที่คอยตามหลังต้อยๆ หายไปไหนกัน
หลี่สือมักจะมาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักบ่อยๆ ทุกครั้งจะเจอสองคนนี้ เหมือนว่าทั้งคู่กินนอนอยู่ที่ร้าน
แต่วันนี้กลับไม่เห็นสักคน
“แปลกจัง
“ร้านก็กำลังไปได้สวย พวกเขาควรต้องอยู่ดูแลร้านไม่ใช่เหรอ”
สองสามวันที่ผ่านมา หลี่สือคอยจับตาดูการเปลี่ยนแปลงร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมาตลอด
ร้านสาขาหลักดังขึ้นมาได้เพราะเฉินเหล่ย ตอนนี้เป็นกระแสไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต หลายคนมาเพื่อเช็กอินแล้วลองใช้บริการ ลูกค้าจึงไหลเวียนเข้าร้านมากขึ้น
แต่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาอื่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ถึงจะมีลูกค้าและมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่สภาพกิจการก็ยังแตกต่างจากร้านสาขาหลักราวฟ้ากับเหว
ถือว่าสมเหตุสมผลถ้าจะเดาว่าร้านสาขาน่าจะลดยอดขาดทุนไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้
สองคนนั้นควรอยู่เฝ้าสาขาหลักแล้วเอาบทเรียนที่ได้ไปใช้กับสาขาอื่นๆ สิ
แต่ทำไมไม่อยู่กันทั้งสองคนเลย
หลี่สือชูมือขึ้นเล็กน้อย พนักงานที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็นก็รีบเดินมาหาที่โต๊ะ
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” พนักงานถามพร้อมรอยยิ้ม
หลี่สือเป็นลูกค้าประจำของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู เขาเสียเงินให้ร้านนี้ไปมากทีเดียว พนักงานจึงจำลูกค้ารายใหญ่คนนี้ได้และพยายามให้บริการอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
หลี่สือทำทีเหมือนว่าไม่ได้สนใจอะไรมากนักขณะที่ถามออกไป “บอสหม่าไม่มาเหรอครับวันนี้”
พนักงานตอบพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ครับ บอสหม่าไม่ได้มาที่ร้านสักพักแล้ว น่าจะหนึ่งสัปดาห์ได้แล้วมั้งครับ”
หลี่สือชะงักไป
หนึ่งสัปดาห์เหรอ
ก็เท่ากับว่าตั้งแต่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูดังขึ้นมาแล้วมีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จนกระทั่งการไหลเวียนเข้าออกของลูกค้าเริ่มคงที่ เจ้าหน้ายาวก็ไม่ได้มาที่ร้านเลย
ตามหลักการแล้ว ในเมื่อร้านสาขาหลักมีผู้จัดการสาขาอยู่ เจ้าหน้ายาวก็น่าจะนั่งกอดอกสบายใจเฉิบได้
แต่เจ้านั่นอยู่ในทีมบริหาร มีตำแหน่งสูงกว่าผู้จัดการสาขา ถ้าไม่ได้อยู่ที่สาขานี้ ก็น่าจะอยู่ที่สาขาอื่น
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี