หลินหว่านชิงส่ายหน้าแล้วกล่าว
“ก็ได้ ผมต้องขอตัวก่อนแล้ว”
ฉินหมิงดูยังสบาย ๆ หลังจากพูดออกไปเช่นนั้นก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากออกจากวิลล่าแล้ว
ฉินหมิงไปจนถึงยอดเขาด้านหลัง
นับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ค่ายกลรวมวิญญาณ ส่งผลให้เขาต้องบ่มเพาะตนให้ได้อย่างน้อยสองหรือสามชั่วโมงต่อวัน
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ปกติแล้วเขาจะนอนในตอนกลางคืนและไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อบ่มเพาะตนตอนประมาณสิบหรือสิบเอ็ดโมงเช้า เขาสามารถนอนและบ่มเพาะตนไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย!
เมื่อมาถึงศูนย์กลางของค่ายกล ฉินหมิงนั่งขัดสมาธิแล้วหยิบแผ่นหยกออกมาและเปิดใช้งานค่ายกล
เขาใช้เวลาบ่มเพาะตนไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ
พลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ เริ่มค่อย ๆ ขยับขึ้นทันที มันไหลรวมกันเป็นวังวนแห่งสายลม พุ่งเข้าใส่ฉินหมิง
อย่างบ้าคลั่ง
เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง
ฉินหมิงร่างกายสั่นเทาและดวงตาพยัคฆ์ก็ลืมขึ้นและประกายแสงในแววตามอดดับลง
"ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว!"
ฉินหมิงดูตื่นเต้นและหัวเราะอย่างมีความสุข
หลังจากการบ่มเพาะตนอย่างหนักในช่วงนี้ ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะลุผ่านช่วงคอขวดของระดับการบ่มเพาะพลังลมปราณขั้นกลางไปได้ และมาถึงระดับการบ่มเพาะพลังลมปราณขั้นสุดท้ายเสียที!
แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะดีขึ้นแค่เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกว่าพลังในระดับนี้ที่เป็นเหมือนสายน้ำอีกสาย ซึ่งการบ่มเพาะตั้งแต่ต้นจนถึงระดับนี้นับว่ามีความก้าวหน้าสูงมาก
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรือพลังวิญญาณที่สะสมในร่างกาย ก็มีคุณภาพอย่างก้าวกระโดด!
หากในตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ศิลปยุทธอย่างเฉียนเป้า เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถปลิดชีพของอีกฝ่ายได้ด้วยการตบเพียงฝ่ามือเดียว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
พระเอกน่ารำคาญ...
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...