“ฉินหมิง ครั้งนี้ฉันให้รางวัลนายด้วยเงินปันผลสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เพราะนายพัฒนาเวชสำอางและเพิ่มประสิทธิภาพในการกลั่นวัตถุดิบอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะนายช่วยให้บริษัทได้รับความร่วมมือจากกลุ่มธุรกิจโจวกรุ๊ปด้วย"
“รางวัลนี้นายควรจะรับไว้ ไม่ต้องแบ่งให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
“อีกทั้งเรื่องของรองผู้อำนวยการกัว ผู้บริหารระดับสูงทุกคนของบริษัทของเรามีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลตามความรับผิดชอบและผลงานของพวกเขาอยู่แล้ว”
“แค่รองผู้อำนวยการกัวได้เข้าไปเป็นผู้อำนวยการโรงงาน เขาก็จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและเขาจะได้รับสิทธิ์ในการจ่ายเงินปันผลตามเกณฑ์เมื่อถึงเวลา นายไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขาเลย!"
หลินหว่านชิงพูดอย่างชัดเจน
ผู้บริหารส่วนใหญ่ของบริษัทมีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลประมาณหนึ่งหรือสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนเอ้าเฟิงและหานซีได้เพียงประมาณแปดเปอร์เซ็นต์ถึงหกเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ได้ทำงานกับเธอมากกว่าสองปีแล้ว และทุกคนก็มีส่วนช่วยเหลือบริษัทอย่างมาก
หากรองผู้อำนวยการกัวช่วยฉินหมิงเพียงเล็กน้อยและเขามีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลถึงห้าเปอร์เซ็นต์
แล้วเธอจะอธิบายให้ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นฟังยังไงล่ะ!
นี่มันไม่ยืนอยู่ในความเป็นจริงซะเลย!
“เฮ้อ…ก็ได้ครับ”
พอได้ยินหลินหว่านชิงอธิบายแล้ว ฉินหมิงถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันง่ายเกินไป ทำได้แต่ยอมจำนน
…
ทางด้านโรงงาน
หลังจากที่กัวลี่เห็นประกาศชื่นชมที่ออกโดยฝ่ายบุคคล เขาก็รู้สึกมีอารมณ์ผสมปนเปและรู้สึกอึดอัดมาก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้นำในการปฏิบัติสองเรื่องนี้ แต่เขาก็พอมีบทบาทสำคัญอยู่บ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพในการกลั่นวัตถุดิบ เขาใช้ความพยายามอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่ฉินหมิงสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาไม่มีบทบาทแต่เขาเองก็ทำงานมาอย่างยากลำบาก
แต่ในประกาศชื่นชมที่ออกโดยฝ่ายบุคคล ไม่มีการเอ่ยถึงการทำงานหนักของเขาแม้แต่นิดเดียว
ทุกคนคงจินตนาการได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร!
“เดิมทีฉันคิดว่าเลขาฉินเป็นคนดี“
“ที่แท้วันนี้ก็ไดรู้สักทีว่าเขานั้นมันไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
พระเอกน่ารำคาญ...
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...