ฤดูร้อนของหมู่บ้านซีสุ่ย อากาศร้อนจนทนไม่ไหว
ซูหวั่นตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องไห้ รู้สึกราวกับว่าเนื้อตัวถูกอะไรกดทับเอาไว้ ลำคอแสบร้อนไปหมด และปลายจมูกก็เต็มไปด้วยกลิ่นราจากผ้าห่ม
นางนอนอยู่บนกระดานไม้แข็ง ซึ่งแค่ขยับตัวก็จะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดออกมา และดูเหมือนว่ากระดานไม้จะรับน้ำหนักเอาไว้ไม่ไหวจนจะแยกออกจากกันอยู่แล้วในตอนนี้
โดยมีภาพและเสียงที่พร่าเบลอได้แวบเข้ามาในหัว
หลังจากสงบสติอารมณ์อยู่สักพัก ซูหวั่นก็แน่ใจว่านางได้เดินทางข้ามเวลามาเสียแล้ว
เดิมทีนางเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่สถาบันวิจัยในศตวรรษที่ 25 แต่เสียชีวิตกะทันหันเพราะโหมงานหนักจนเกินไป โดยที่ละเลยเรื่องการพักผ่อนและอาหารการกิน
จากนั้นนางก็เดินทางข้ามเวลามาอยู่ในร่างหญิงสาวที่มีชื่อและแซ่เดียวกัน
แต่ทว่าหญิงสาวที่มีชื่อและแซ่เดียวกับนางนั้นมีชีวิตที่น่ารันทดมาก นางถูกปู่และย่าบีบบังคับให้แต่งงานกับลุงหลังค่อมที่แก่กว่าถึงสิบแปดปี นางดื้อดันไม่ยอม แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ไปกระโดดน้ำตายในที่สุด
เปลือกตาของซูหวั่นขยับ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งออกมาว่า“แม่คะ”
“อาหวั่น เจ้ายังมีชีวิตอยู่?”นางหลี่ปาดน้ำตาและเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ
เพราะหมอที่มาเมื่อครู่บอกว่าซูหวั่นไม่หายใจแล้ว และให้ครอบครัวเตรียมเสื่อสำหรับฝังศพเอาไว้ได้เลย
ไอ้หมอบ้าเอ๊ย นี่อาหวั่นของนางยังสบายดีอยู่ไม่ใช่เหรอ!
ซูหวั่นไม่มีแรงมากนัก นางมองไปที่นางหลี่แล้วพูดว่า“แม่คะ ข้าหิวแล้ว”
“แม่จะไปทำอะไรให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้!” นางหลี่สวมชุดผ้าลินินสีน้ำเงินดำ ตัวเล็กผอมบาง คางแหลมคม ตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง และกำลังมองมาที่ซูหวั่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
หลังจากที่นางหลี่เดินออกไป เด็กชายร่างผอมบางก็เข้ามาหาซูหวั่นด้วยแววตาที่เฉื่อยชา และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
“พี่ครับ พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เด็กชายตัวเล็กอายุเพียงแปดขวบ เขาคือซูลิ่วหลาง น้องชายเจ้าของร่างเดิมนี้ เขาอายุน้อยกว่าซูหวั่นห้าปีและแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆเพราะเป็นเด็กหัวช้า
ซูหวั่นลูบหัวของเขา แล้วให้เขาจับชีพจรอย่างเงียบๆ“พี่สบายดี หยุดร้องไห้ได้แล้ว เจ้าช่วยรินน้ำให้พี่หน่อยได้ไหม?”
ซูลิ่วหลางร้องไห้อย่างเสียใจ ทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหลอาบหน้า เพราะเขาคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่สาวของเขาอีกแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา