เช้าวันถัดมา
สองตาหลาน ได้ออกจากโรงหมอไปตั้งแต่ฟ้ายังมิทันสาง ส่วนอี้หรูกับมารดา ได้เตรียมตัวออกไปส่งยาให้สกุลชูเช่นกัน หญิงสาวไม่ลืมที่จะปกปิดใบหน้าเอาไว้ เพราะใบหน้านี้ อาจนำความยุ่งยากมาสู้ตนเอง และครอบครัว
“อี้หลง อี้หลิง เจ้าสองคน อย่าได้ออกมาด้านหน้าโรงหมอเป็นอันขาด รอแม่กับท่านยายกลับมา ค่อยออกมาวิ่งเล่นในสวนเข้าใจไหม”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
คู่แฝดรับคำมารดาอย่างว่าง่าย นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับมารดาและพี่ชาย ไม่ว่าสิ่งใดที่แม่และพี่กำชับไว้ ทั้งคู่ไม่เคยคิดที่จะดื้อรั้นเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่ เราไปกันเถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวหันไปชวนมารดา
“ยายจะซื้อขนมมาฝากพวกเจ้านะ อย่าซนเล่า”
ต้วนฮูหยินพยักหน้ารับบุตรสาว ก่อนจะหันไปบอกกับคู่แฝด ด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก หากจะว่าไปแล้วในสามแฝด คงมีเพียงสองคนนี้เท่านั้น ที่ยังดูเป็นเด็ก ต่างจากหลานชายคนโต ที่ดูจะเคร่งครึม และพูดน้อยมาก ติดจะเย็นชาไปเสียด้วยซ้ำ
แต่นางก็เข้าใจหลานชายคนโตดี การต้องเป็นผู้นำครอบครัวในภายหน้า ต้องฝึกฝนตนเอง ทั้งความคิดและการกระทำให้มาก ทว่านางก็ไม่เคยลำเอียง ยามมอบสิ่งใดให้ ก็เท่าเทียมทั้งสามคนเสมอ
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านยาย”
สองพี่น้องรับคำ ก่อนจะพากันโบกมือให้แก่ผู้เป็นยาย ที่เดินตามมารดาของพวกเขา ออกไปส่วนของโรงหมอ
“ท่านแม่ ทำให้พวกเขาเคยตัวแล้วเจ้าค่ะ”
“พวกเขายังเด็ก อีกอย่างแม่ชอบเห็นพวกเขากินอิ่มอร่อย พละกำลังของเด็ก ย่อมต้องกินให้อิ่มท้อง รวมถึงเจ้าด้วย ที่ต้องบำรุงให้มาก ดูสิ...ช่วงนี้ผิวพรรณเจ้าเปล่งปลั่งยิ่งนัก แม่เห็นแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว”
ต้วนฮูหยิน ไม่ได้กล่าวเท็จแม้แต่น้อย บุตรสาวของนาง เรียกว่างามล่มเมืองเลยก็ไม่ผิด เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องตกทุกข์ยากมานับสิบปี ย่อมมีทรุดโทรมไปบ้าง
แต่พอกลับมากินอิ่มนอนหลับ ใช้ชีวิตที่ไม่แร้นแค้น ความงดงามก็เริ่มฉายชัดให้เห็น เหมือนหลานๆ ของนางทั้งสาม ที่ภายหน้าเติบใหญ่ คงหัวบันไดเรือนแทบไม่แห้งเชียวล่ะ
“เพราะเมตตาของท่านพ่อกับท่านแม่ ข้าจึงมีชีวิตใหม่ที่ดีอีกครั้งเจ้าค่ะ”
“เป็นเจ้ากับเด็กๆ ที่มอบแสงสว่างให้กับใจยายแก่เยี่ยงแม่”
“ค่อยๆ เจ้าค่ะ”
หญิงสาวประคองมารดาขึ้นรถม้า และนางทำเพียงยิ้มรับคำพูดของมารดาเท่านั้น เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ มุ่งหน้าสู่ทิศทางบ้านสกุลชู
สำนักคุ้มภัยสกุลเจียง
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสงสัย ใช่ว่าหลายปีมานี้ เขามิเคยไปเยี่ยมเยือนหมอชรา ซึ่งทุกครั้งที่ไป เขาไม่เคยได้ยินท่านหมอกับภรรยา เอ่ยถึงลูกหลานสักครั้ง
“บุตรสาวข้าอยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวง ท่านเจ้าสำนักจึงมิเคยพบนางมาก่อน นางช่างมีโชคชะตาอันโหดร้ายนัก สามีของนางขอหย่าขาด เพียงได้พบหญิงงามที่ร่ำรวยกว่า จึงทอดทิ้งนางกับลูก ให้เดินทางระหกระเหิน กลับมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง”
ชายชราเลือกที่จะไม่พูดความจริงออกไปทั้งหมด เพราะอย่างไรเสียอดีตของบุตรสาว ก็ยังมีความเป็นมา ที่เกี่ยวพันกับคนในราชสำนัก ต่อให้เคยมีหนี้บุญคุณ ก็ใช่ว่าจะเหนืออำนาจเงินไปได้
ชายหนุ่มขมวดคิ้วจนชิดกัน เมื่อนึกตามคำพูดของชายชรา บุรุษต่ำช้าผู้นั้น ต้องเห็นแก่เงินขนาดไหนกัน จึงทอดทิ้งลูกเมียได้ลงคอเช่นนี้
“ท่านหมอมีสิ่งใด ที่ต้องการให้ข้าช่วย โปรดบอกมาอย่าได้เกรงใจเลยขอรับ”
ด้วยตัวเขาเปิดสำนักคุ้มภัยมานาน จึงมองออกได้ไม่ยาก ว่าหมอชราต้องมีเรื่องร้อนใจ หาไม่แล้วคงไม่มาเยือนถึงสำนัก เพราะโดยปกติ เขาจะเป็นฝ่ายไปเยือน แม้จะนานๆ ครั้งก็ตามที
“เช่นนั้นข้าไม่ขออ้อมค้อม ข้าต้องการจ้างคนของท่าน เพื่อคุ้มกันบุตรสาวและหลานๆ ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบัง คนของอดีตบุตรเขยและภรรยาใหม่ของเขา ยังคงวนเวียนลงมือต่อพวกนาง ล่าสุดคือเมื่อคืนนี้ คนพวกนั้น เกือบพรากดวงใจของข้าไปแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านี้เอง ข้าย่อมจัดการให้ได้ เช่นนั้นเรามาร่วมกินมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน ข้าจะให้คนของข้า ติดตามท่านหมอกลับไปพร้อมกันเลย”
ชายหนุ่มตอบรับอย่างไม่ลังเล ที่สำคัญชายชรา ที่เคยยื้อชีวิตเขากลับมาจากความตาย ไม่จำเป็นต้องจ่ายให้เขาแม้แต่เฉียนเดียว สำหรับการจ้างวานในครั้งนี้
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยาจกยอดมารดา