พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนยังโมโหอยู่ อวี๋หมิงหลางจึงส่งยิ้มให้ “มีอะไรให้น่าโมโห ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก มีเป้าหมายมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณจะได้ไม่เหงาไง”
“มันไม่เหมือนกัน! นายเคยเห็นฉันใช้วิชาตัวเองไปทำร้ายคนอื่นเหรอ?”
“คนที่ถูกคุณทำร้าย น้อยซะที่ไหน…” เสี่ยวเฉียงพึมพำ เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่เขา เขารีบยิ้มแหยๆให้เธอ “ใช่ คุณสวย พูดอะไรก็ถูกหมด!”
“สักวันนึงฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ภายใต้สายตาของฉันไม่มีใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรียุ่งคนของฉันได้!” เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้ว
“ถ้าให้ผมพูดนะ คุณก็คิดเล็กคิดน้อยเกินไป ความโกรธของคุณมาจากคำพูดที่เขาพูดว่าเสมอกัน คุณรู้สึกเหมือนโดนดูถูกใช่ไหมล่ะ?”
“ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง”
“ผมไม่คิดแบบนั้น”
เขาเอานิ้วไปลูบจมูกเธอ “หมอนั่นเองก็พูดแล้ว เดิมสืออวี้ไม่ได้นิสัยแบบนั้น แล้วนิสัยของสืออวี้ตอนนี้เป็นเพราะใคร? ถ้าไม่ใช่คุณ?”
“แต่ฉันไม่ได้ใช้วิชาเอาชนะหมอนั่น! เป็นมิตรภาพของสืออวี้ต่างหากที่ช่วยฉัน!”
“แล้วมิตรภาพความผูกพันพวกนั้นพอเจอหน้ากันก็มีเลยเหรอ? มันมาจากเสน่ห์ตัวตนของเมียผมต่างหาก! ใช่ เขาสะกดจิตได้ คุณไม่เคยเรียนวิชามารพวกนั้นก็เลยทำไม่เป็นไง แต่เมียผมใช้วิชาเอาใจใส่คนด้วยความจริงใจกับทุกคน เขามีไหมล่ะ? พวกคุณสองคน คนหนึ่งก็เหมือนมนต์ขาว อีกคนเหมือนมนต์ดำ เทียบกันได้เหรอ? แมวดำแมวขาวจับหนูได้ก็เป็นแมวดีทั้งนั้น ไม่ต้องสนหรอกว่าเขาใช้วิชามารอะไร แต่ก็ถูกเมียผมไล่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เอ๊ะ…ที่อวี๋หมิงหลางพูด ดูเหมือนจะมีเหตุผลแฮะ
เสี่ยวเชี่ยนเริ่มสงบลง อวี๋หมิงหลางใช้คำว่าวิชามารกับหมอนั่นมันโดนใจสุดๆ วิธีที่เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้จักไม่เคยได้สัมผัสมันก็ไม่ต่างอะไรกับวิชามาร
เห็นเธอดูเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้ เสี่ยวเฉียงรู้สึกว่าถึงเวลาที่เขาจะปล่อยทีเด็ดแล้ว
หลิวเหมยถูกทุกคนส่งมาหาเสี่ยวเชี่ยน รถสองคันมาถึงตามกันติดๆ พวกเธอลงไปรอกันตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวเฉียงลงมา ไป๋จิ่นกับฉิวฉิวกลัวว่าเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจะทะเลาะกัน อวี๋หมิงหลางเป็นพวกเจ้าเล่ห์ แถมยังเป็นคนประเภทที่ว่าแค่ทำหน้ากวนประสาทก็น่าโมโหแล้ว ประธานเชี่ยนโมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าทั้งสองคนทะเลาะกันขึ้นมาจะรับมือยาก
ขณะที่หลิวเหมยกำลังจะเคาะหน้าต่าง ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาลางๆเหมือนสองคนในรถกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม แถมตาเธอยังเผลอเห็นมือของพี่หลางล้วงเข้าไปในจุดที่ไม่อาจบรรยาย…
“ไหนล่ะ? ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?” ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยเดินหน้าแดงกลับมาจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ทะเลาะอะไรล่ะ ร้อนแรงจนไฟแทบลุก…ช่างเถอะ พวกเราไปสั่งอาหารก่อน เอาที่แพงๆให้พี่ฉันกระเป๋าฉีกไปเลย ชดเชยที่ทำฉันดวงตาร้อนผ่าว”
วันๆเอาแต่แสดงความรักจนออกนอกหน้า เหลือเกินจริงๆ
ตอนที่อวี๋หมิงหลางเดินโอบเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปในห้องอาหาร ทุกคนกำลังนั่งกอดอกเหลือบมองพวกเขา
“ตาเป็นเหน็บชากันหมดเหรอ?” เสี่ยวเฉียงลากเก้าอี้ให้เสี่ยวเชี่ยน ทุกคนมองออกหมดว่าเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดีกว่าเมื่อกี้มาก
หลิวเหมยส่ายหน้า “จึ๊ๆ จับพวกเรามัดรวมกันยังเก่งสู้พี่หลางคนเดียวไม่ได้เลยนะเนี่ย”
พี่สะใภ้หงุดหงิดอยู่ตั้งนาน แต่พอพี่ชายเธอปรากฏตัวก็กลายเป็นฟ้าหลังฝน
“พูดมาก สั่งอาหารหรือยัง?” เสี่ยวเฉียงไม่โกรธ เขาหยิบเมนูมาดู จากนั้นพวกเขาก็เริ่มคุยกันว่าจะสั่งอะไรดี
เสี่ยวเชี่ยนนั่งข้างสืออวี้ สืออวี้มองเธอด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันทำให้เธอหงุดหงิด”
ทั้งหมดนี้เธอเป็นตัวต้นเหตุ สืออวี้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเห็นเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ไม่ดีครั้งล่าสุดเมื่อไร
“พูดแบบนั้นทำไม ฉันต้องขอบคุณเธอสิ”
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ขอบคุณที่เธอทำให้ฉันเจอเป้าหมายที่จะสู้ ขอบคุณที่เธอทำให้ฉันเห็นมิตรภาพที่ประเมินราคาไม่ได้”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย