“ฉันจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ฟัง นายเดินๆอยู่แล้วเห็นเค้กที่น่ากินมากๆอยู่ในตู้กระจก นายชอบมันมาก แต่ไม่มีเงินเลยซื้อไม่ได้ ทุกครั้งที่นายผ่านร้านนั้นก็จะมองแล้วมองอีก รู้สึกว่ามันตกแต่งได้น่ากินมาก วันหนึ่งนายมีเงินแล้วก็รีบพุ่งไปซื้อเค้กที่นายใฝ่ฝันมานานชิ้นนั้น พอกินเข้าไปหนึ่งคำนายกลับพบว่า นายไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้น ถึงขนาดที่รู้สึกว่ามันเลี่ยนมากด้วยซ้ำ แล้วทำไมก่อนหน้านี้นายถึงได้หลงรักมันมาก? เพราะนายไม่ได้หลงรักเค้ก แต่มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ความหมายในเชิงสัญลักษณ์ของเค้กนั่นก็เช่น ชีวิตที่สงบสุข วัตถุที่มั่นคง เค้กมันอยู่ตรงนั้นเสมอ พอมาเปรียบกับคนก็ คนบางคนแค่ชอบความรู้สึกที่ได้หลงรักอะไรสักอย่าง แสร้งทำเหมือนตัวเองได้ทุ่มเทให้กับบางสิ่งอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่จริงๆแล้วคนที่ถูกเขา ‘หลงรัก’ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น มันก็แค่ความหมายในเชิงสัญลักษณ์ นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของคนที่แอบรักจำนวน95% แต่ก็ไม่ตัดคนอีก5%ทิ้งนะ มันก็มีคนที่กัดเข้าไปคำแรกแล้วชอบจริงๆ”
เสี่ยวเชี่ยนยกตัวอย่างง่ายๆมาเปรียบเทียบการแอบรัก ถ้าจะให้เธอวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยา เธอสามารถพูดได้ถึงสองชั่วโมง ศัพท์เฉพาะมากมาย การวิเคราะห์ในแต่ละแบบ แต่จะพูดทฤษฎีมากมายกับไห่เจาก็ใช่เรื่อง ไม่สู้เปรียบเทียบให้เห็นภาพดีกว่า
“แต่ว่าเค้กชิ้นนั้นพอเห็นผมก็หลบ ถ้าผมไม่ไปลองจะรู้ได้ไงว่าเขาเหมากับผมหรือเปล่า?”
ตอนนี้ไห่เจาทุกข์ใจมาก ช่วงเวลาเมื่อครู่นี้เหมือนเขาสูญเสียโลกไปทั้งใบ
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณเคยลิ้มลองรสชาติการแอบรักไหม? ผมได้มอบความรู้สึกที่ดีที่สุดในช่วงวัยรุ่นให้เขาไปหมดแล้ว ช่วงหลายปีมานี้ผมคิดถึงแต่เขา แต่เขากลับไม่ให้โอกาสผมเลยสักครั้ง ผมยอมให้เขาปฏิเสธตรงๆดีกว่าใช้วิธีโหดร้ายแบบนี้กับผม มัน…”
“ถ้าใจของนายปล่อยวางมันไม่ได้จริงๆล่ะก็ งั้นฉันจะเห็นแก่ที่กินข้าวร้านนายมาหลายปี วิเคราะห์ความรู้สึกที่นายมีให้เขาแล้วกัน”
“ว่ามาเลย!” ไห่เจาไม่ยอมแพ้ เขาไม่ยอมรับที่เสี่ยวเชี่ยนพูดว่าเขาไม่ได้รักเสี่ยวซีจริงๆ
“นายทำสมองให้โล่งๆก่อน ทิ้งความรู้สึกทุกอย่างไปให้หมด ไม่คิดถึงความทุกข์ ไม่คิดถึงเขา ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แล้วฟังฉัน ตอบคำถามฉันตามความรู้สึกของนาย”
เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาไม่กี่นาทีช่วยดึงไห่เจาออกจากความรู้สึกที่หนักอึ้งนั้น พอถึงจุดที่เขาไม่ได้เพ่งความสนใจไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วเธอจึงเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นทางการ
“ในความทรงจำของนาย ตอนไหนที่อวี๋หมิงซีทำให้หัวใจของนายหวั่นไหว ตอบตามความรู้สึกจริง ไม่ต้องคิด สาม สอง หนึ่ง ตอบ!”
“ผมชอบตอนเขายืนอยู่บนเวที ร้องเพลงทหารอย่างตั้งใจ คุณรู้ไหม เสียงของเขาเพราะมาก ชุดทหารสีขาวของคณะการแสดงพอมาอยู่บนตัวเขามันเท่ห์มากจริงๆ”
ไห่เจาตอบไปตามความรู้สึกจริง
“เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
“การแสดงในค่ายทหารตอนที่เขาเพิ่งเริ่มเข้าไปอยู่ในกองทัพ เขาขึ้นเวทีไปร้องเพลง”
“…พี่เสี่ยวซีเป็นทหารสันทนาการ อายุสิบสามสิบสี่ก็เข้าไปอยู่แล้วหรือเปล่า?”
หมอนี่ไม่ใช่แค่แอบรัก ยังริอาจมีรักตั้งแต่เด็กด้วย?
“ผมไม่ได้เริ่มตามจีบตั้งแต่เด็กนะ!” ไห่เจาแก้ตัว เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่
“อันนี้ฉันเชื่อ ขนาดตอนนี้นายยังไม่กล้าไปสารภาพรักกับเขาเลย”
“ไม่ขยี้แผลคนอื่นจะนอนไม่หลับหรือไง?” ไห่เจาชักโมโห
“ก็ได้ เข้าใจแล้ว พอกลับบ้านไปนายลองเอารูปนักแสดงโชว์ผู้หญิงสักคนแปะที่หัวเตียง แปะไว้สองวัน นั่งจ้องทุกวันโดยเฉพาะก่อนนอน ลองดูว่าความรู้สึกที่มีต่ออวี๋หมิงซีลดลงหรือเปล่า ถ้าไม่ลดลงก็เปลี่ยนไปติดรูปดารา จะดาราประเภทไหนก็ได้ติดให้ทั่ว หรือถ้านายจะชอบแนวเอวีก็ไม่ว่ากัน”
ไห่เจาถูกเสี่ยวเชี่ยนทำฟ้าผ่าใส่จนเกรียม
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน ล้อกันเล่นเหรอ?”
นี่มันวิธีบ้าบออะไรกัน?
“ฉันช่วยวิเคราะห์ให้นายอย่างจริงจังแล้วนะ ถ้านายติดรูปไปแล้วหนึ่งเดือนก็ยังคิดถึงอวี๋หมิงซียังชอบเขาอยู่ ฉันจะใช้วิธีบำบัดแบบโมริตะ หลักการของมันก็คืออยู่กับอารมณ์ หลังรักษาวิธีนี้แล้วถ้านายยังรู้สึกเหมือนเดิมงั้นก็ตัดทิ้งเรื่องที่นายแค่ชอบเขาธรรมดาไปได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่านายรักอวี๋หมิงซี พอถึงวันนั้นฉันจะให้คำแนะนำขั้นต่อไป”
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณช่วยผมได้จริงๆเหรอ?” ไห่เจารู้สึกว่าวิธีของเสี่ยวเชี่ยนมันพิสดาร แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีใครที่จะให้ขอความช่วยเหลือได้เลย ทำได้แค่มองเสี่ยวเชี่ยนอย่างคนจนตรอก
“มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เชื่อประธานเชี่ยนไม่ผิดแน่ ถ้านายอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสงบสุขก็ทำตามที่ฉันบอก ฉันรับประกันได้ว่าไม่ว่าคู่ชีวิตของนายในอนาคตจะใช่อวี๋หมิงซีหรือไม่ นายก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่มีทางที่อยู่มาวันหนึ่งถูกใครไม่รู้เตะน้องชายจนแข็งขึ้นมาไม่ได้อีก”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย