เข้าสู่ระบบผ่าน

แต่งกับขุนนาง นิยาย บท 10

ซูชิงลั่วรีบก้มหน้า รู้สึกหน้าแดงร้อน

นางกำลังจะเดินไปยังห้องข้างๆ ก็ได้ยินเสียงเรียบๆ ของลู่เหิงจือพูดว่า "รบกวนหมอหลวงซ่งช่วยดูอาการของคุณหนูคนนั้นด้วย เมื่อครู่นางเพิ่งจะเป็นลมไป"

พอสิ้นเสียง ผู้ชายคนอื่นๆ ในลานก็มองไปที่ซูชิงลั่วพร้อมกัน

ซูชิงลั่วรีบพูดทันที "ขอบคุณท่านสาม ข้าไม่เป็นไรจริงๆ แค่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเฉยๆ ไม่ต้องลำบากหมอหลวงซ่งหรอก"

ลู่เหิงจือมองซ่งอวี้นิ่งๆ ทีหนึ่ง

ซ่งอวี้ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวงก็ไม่ได้นั่งตำแหน่งเปล่าๆ รีบลูบเคราและยิ้มพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ลำบากเลยขอรับ"

ขณะที่พูด หมอหลวงซ่งก็เดินเข้ามาด้วย ซูชิงลั่วไม่กล้าปฏิเสธอีก จึงให้จื๋อหยวนเชิญเขาเข้าห้องไป

หลังจากวางผ้าไว้ที่ข้อมือและตรวจชีพจรแล้ว หมอหลวงซ่งก็บอกว่านางกังวลมากเกินไป จนทำให้ร้อนใจจนเป็นลม ต้องให้พักผ่อนมากๆ ก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว อีกทั้งยังจ่ายยากล่อมประสาทให้กับนาง

หลังจากซูชิงลั่วพูดขอบคุณ นางก็ให้จื๋อหยวนใส่เงินยี่สิบตำลึงให้หมอหลวงซ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยกมือปฏิเสธ

"ไม่กล้ารับหรอกขอรับ ข้าแค่ทำตามที่ได้รับการไหว้วาน หากคุณหนูจะขอบคุณก็ขอบคุณคนที่ไหว้วานข้ามาเถิด"

เมื่อได้ยินคำว่า "คนที่ไหว้วาน" ใบหน้าของซูชิงลั่วก็แดงขึ้นเล็กน้อย

นางพยายามอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นหมอหลวงซ่งยืนยันแน่วแน่ จึงยอมแพ้ ลุกขึ้นเดินออกไปส่งเขา พอเปิดประตูออกก็เห็นลู่เหิงจือที่ยังยืนอยู่ในลานเช่นเดิม

เมื่อได้ยินเสียง เขาก็หันกลับมา เอ่ยเสียงเรียบๆ ราวกับถามเรื่องทั่วไปว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?"

หมอหลวงซ่งยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร

ลู่เหิงจือพยักหน้าเล็กน้อย ถึงเขาจะมองนางด้วยสายตาที่ดูเรียบเฉย แต่ไม่รู้ทำไมกลับทำให้นางรู้สึกว่าเขาห่วงใยนางมาก

ซูชิงลั่วรู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนมีลูกกวางน้อยวิ่งมาชน นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น และกล่าวขอบคุณลู่เหิงจืออีกครั้ง

ลู่เหิงจือตอบรับทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปบอกให้พวกผู้ใหญ่และเด็กๆ กลับไปนอนพักก่อน ที่นี่เขาจะเฝ้าดูเอง

ซูชิงลั่วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ลู่เหิงจือ

แม้ว่าจะอดนอนมาทั้งคืน แต่เขาก็ยังดูเรียบร้อย ยืนตัวตรงตระหง่าน ดวงตาสดใส ไม่เหมือนคนอื่นที่ดูเหนื่อยล้า ดวงตาแดงเรื่อ

ในขณะนั้น จู่ๆ นางก็เข้าใจความหมายของประโยคในหนังสือที่เคยอ่านว่า "เหมือนอัญมณีในกองเศษหิน" ว่าคืออะไร

ผู้ชายในลานต่างพากันแยกย้ายไป เหลือเพียงลู่เหิงจือคนเดียว

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ แล้วซูชิงลั่วจึงกล้าโค้งคำนับเขา "เมื่อครู่ขอบคุณพี่สามมากนะเจ้าคะ"

ลู่เหิงจือมองตรงไปที่นาง ยิ้มเก็บอาการแล้วพูดว่า "ตอนมีคนอยู่ทำไมไม่เรียกข้าว่าพี่สามล่ะ? หรือว่า ไม่กล้า?"

ซูชิงลั่วรู้สึกเหมือนหายใจติดขัดขึ้นมา

ไม่รู้ทำไม ในใจของนางรู้สึกคำว่า "พี่สาม" นั้นดูเป็นคำเรียกที่ใกล้ชิดกันเกินไป เมื่อมีคนอยู่นางจึงไม่กล้าเรียกจริงๆ

แต่จะอธิบายอย่างไรดี? นางคิดไม่ออกเลย

ลู่เหิงจือก้าวไปตรงหน้านางอีกก้าวหนึ่ง ยิ่งทำให้นางรู้สึกประหม่า มือขยำผ้าเช็ดหน้า พลางพูดเบาๆ ว่า "เปล่านะ ข้า...เมื่อครู่แค่ลืมไปเท่านั้น"

พอพูดออกไปแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ เพราะข้อแก้ตัวมันฟังดูแย่เหลือเกิน

โชคดีที่ลู่เหิงจือหยุดฝีเท้า มองนางครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ครั้งหน้าจำให้ดีแล้วกัน"

ซูชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก "เจ้าค่ะ"

ในขณะนี้เอง ซ่งเหวินถือกล่องอาหารเข้ามาในลาน เมื่อเห็นนายตัวเองกับคุณหนูซูยืนอยู่ห่างกันไม่ถึงสามก้าว ในสมองก็พลันนึกถึงภาพฉากรักหวานแหววนับไม่ถ้วน

เขาข่มความคิดฟุ้งซ่านในหัว พูดว่า "คุณชาย ท่านยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ กินอะไรรองท้องก่อนเถอะขอรับ"

ลู่เหิงจือสะบัดแขนเสื้อยาว "เอาให้คุณหนูซูก่อน"

ซ่งเหวินตกใจอีกครั้ง รีบส่งกล่องอาหารให้กับมือจื๋อหยวนทันที

จื๋อหยวนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่หันไปมองคุณหนูของตน

ซูชิงลั่วตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอเห็นดวงตาลึกซึ้งของลู่เหิงจือ ก็ไม่กล้าพูดคำปฏิเสธออกมา

นางพบว่า ความหวังดีของเขาไม่อนุญาตให้ใครเอ่ยปฏิเสธได้

นางจึงได้แค่พยักหน้า ส่งสัญญาณให้จื๋อหยวนรับไว้ "งั้นก็...ขอบคุณพี่สามเจ้าค่ะ"

ลู่เหิงจือพยักหน้า พูดด้วยเสียงเรียบๆ "ท่านย่าก็พ้นขีดอันตรายแล้ว กินข้าวเสร็จแล้วเจ้าก็พักผ่อนอย่างสบายใจเถอะ"

คำพูดนี้...กำลังห่วงใยนางอย่างนั้นเหรอ?

บทที่ 10 1

บทที่ 10 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แต่งกับขุนนาง