วันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ฉันก็ตรงกับวันเสาร์นี้พอดี
ช่วงเช้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ได้
ไม่น่าจะใช้เวลามากนัก
แต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดออกไปอย่างมั่นใจ
ไม่สามารถบอกฟู่ฉีชวนไปเมื่อวานนี้ได้ว่าฉันตั้งครรภ์แล้ว
และไม่สามารถบอกเจียงไหลในตอนนี้อย่างมั่นใจได้ว่าจะพาฟู่ฉีชวนไปด้วย
กลัวว่าแผนที่วางไว้จะตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง
ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอัน สำหรับฉันแล้วมันเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อ
เจียงไหลเห็นฉันไม่ค่อยมีอารมณ์สนใจนัก จึงเหลือบมองไปที่ออฟฟิศของฟู่จินอัน แล้วถามว่า "เรื่องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์นั่น ฟู่ฉีชวนจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"
"ก็คงประมาณนั้น"
เราคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปแผนกการตลาดอย่างวางใจ
…
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟู่จินอันเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่าจู่ๆ ก็คิดได้
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเราอยู่กัยอย่างสงบสุข
แต่เดิมฉันกังวลว่าการออกแบบรุ่นพิเศษสำหรับปีใหม่อาจจะติดขัดเพราะเธอ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนเข้าสู่ขั้นตอนการทำต้นแบบ
"พวกเธอคิดว่าคนที่เพิ่งเข้ามามีความสัมพันธ์อะไรกับท่านรองประธานหรือเปล่า?"
"ใครจะไปรู้ล่ะ"
"ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าใช่ภรรยาของท่านรองประธานที่เขาลือกันหรือเปล่า แต่หลายวันนี้ก็ไม่เห็นเธอจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับท่านรองประธานเลย"
"อาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากให้เป็นที่สนใจก็ได้ เคยเห็นใครเคยได้รับการต้อนรับแบบนั้นบ้างล่ะ ท่านรองประธานเป็นคนพาเข้ามาทำงานด้วยตัวเองเลยนะ"
"แต่ก็ไม่แน่ว่าเธอจะใช่ภรรยารองประธานสักหน่อย บางทีอาจจะเป็นมือที่สามก็ได้"
…
วันนั้นตอนที่เข้าไปพักผ่อนเพื่อเติมน้ำ ก็ได้ยินคนกำลังนินทาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่ฉีชวนพอดี
พอหันกลับไป ก็เห็นฟู่จินอันกำลังมองฉันด้วยสีหน้าประหลาด
"เดิมทีฉันคิดว่าเธอคงจะรู้สึกได้ใจ"
"?"
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ยังไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
แต่กลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมงานที่กำลังซุบซิบกันอยู่ พอเห็นฉันก็รีบหนีไปทันที เหมือนกับนกที่ตกใจเสียงธนู
ชั่วขณะนั้น ในห้องพักผ่อนก็เหลือแค่ฉันกับฟู่จินอันสองคน
เธอยิ้มเยาะนิดๆ วางแก้วน้ำลงใต้เครื่องชงกาแฟแล้วถามว่า "ทำไมเธอถึงดูใจเย็นอยู่ตลอดเวลา? แพ้ก็ไม่เห็นเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชนะก็ไม่เห็นเธอดีใจสักนิด"
"..."
ฉันไม่ได้มีอารมณ์จะคุยเปิดใจด้วย จึงเทน้ำมะนาวใส่แก้วแล้วหันหลังเดินออกไป
ฟู่จินอันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ "ฉันแค่ทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้ เธอคิดว่าเธอชนะแล้วหรือยังไง? หร่วนหนานจือ อนาคตยังอีกยาวไกลนะ"
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
ฉันขมวดคิ้ว "วันนี้ไม่ได้กินยาหรือไง?"
"อะไรนะ?"
"ลองไปหาจิตแพทย์บ้างนะ ไม่ต้องประหยัดหรอก ถึงเงินของคุณพ่อสามีฉันจะไม่มากมายอะไร แต่ก็น่าจะพอให้ลูกเลี้ยงอย่างเธอไปซื้อยามากินได้บ้าง"
ฉันพูดทิ้งไว้แล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะก้าวเข้าห้องทำงาน ก็ได้ยินเสียงบางอย่างตกกระทบพื้นดังมาจากทางห้องพักผ่อน
แค่นี้ถึงกับขว้างปาของเลยเหรอ?
งั้นคงต้องกินยาจริงๆ แล้วล่ะ
ตอนเย็นหลังเลิกงาน ฟู่ฉีชวนรอฉันอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
หลายวันนี้ เขากลายเป็นคนคลั่งรักภรรยาตามที่คนในเน็ตพูดถึงจริงๆ แล้ว
ไปทำงานด้วยกัน กลับบ้านด้วยกันทุกวัน แล้วก็ให้ฉินเจ๋อส่งชาและขนมตอนบ่ายมาให้ฉันที่ออฟฟิศเป็นประจำ บางทียังมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันอีกด้วย
"เย็นนี้อยากกินอะไร?"
พอฉันขึ้นรถ ฟู่ฉีชวนก็ถามขึ้นทันที
ฉันหันไปมองเขา ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "คุณจะทำอาหารอีกแล้วเหรอ?"
ช่วงนี้ตอนเย็นเขาเป็นคนทำอาหารตลอด
บางทีป้าหลิวก็มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว เหมือนกลัวว่าตัวเองจะตกงาน
ฟู่ฉีชวนขับรถออกจากที่จอดรถด้วยมือข้างเดียว น้ำเสียงของเขาชัดเจนและอ่อนโยน "เบื่อแล้วหรือไง?"
"เปล่า แค่แปลกใจน่ะ แต่ก่อนคุณไม่ค่อยทำอาหารที่บ้านเลย"
"จากนี้ถ้าผมอยู่บ้าน ผมจะทำอาหารเอง"
"โห"
แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว