ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรง
รู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูก
ฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครา
มองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว
"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"
ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"
พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้าน
ฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"
ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ"
"คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา
"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว
"ใจแคบจริง"
ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหาร
ราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอ
ฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจ
ถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกิน
ในเมื่อเธอหน้าไม่อาย แล้วฉันจะกลัวอะไร
ฉันเลยนั่งลงและเริ่มกินข้าว
ฟู่จินอันพูดเบาๆ "รสชาติดีใช่ไหม?"
ฉันยิ้มและตอบว่า "เขาทำอาหารได้อร่อยมาก เวลาอยู่บ้านเขาก็ทำเองตลอด"
แน่นอนว่าคำพูดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด
แค่ต้องการใช้วิธีตื้นๆ แบบนี้ประกาศสิทธิ์ของตัวเอง
"..."
ฟู่จินอันเหล่มองฟู่ฉีชวนน้อยๆ "ดูไม่ออกเลยนะ ว่านายดีกับคนอื่นแบบนี้ด้วย"
"ขนาดกินข้าวยังเงียบไม่เป็นเลยงั้นเหรอ?"
ฟู่ฉีชวนแขวะเวียงเย็นชา แล้วคีบซี่โครงหมูให้ฉันชิ้นหนึ่ง
ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับฉันเหมือนไม่ใส่ใจว่า "เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำอาหารเป็น? เพราะฉันสอนเขานะ โดยเฉพาะเมนูไข่ผัดมะเขือเทศ ที่เป็นเมนูโปรดของฉัน เขาทำเมนูนี้ด้วยความตั้งใจสุดๆ เลย!"
"ใช่แล้ว เขาทำบะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่ก็อร่อยเหมือนกัน ช่วงหนึ่งเขาทำให้ฉันกินทุกวันจนฉันเอียนไปเลย ต่อมาเขาก็จะทำเมนูนี้เฉพาะเวลาที่อยากทำอะไรง่ายๆ เท่านั้น"
…
ฉันจับตะเกียบแน่นจนปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
ที่แท้แล้ว บะหมี่ไข่ที่ฉันกินด้วยความยินดีนั้น ก็เป็นอาหารที่คนอื่นกินจนเอียนแล้ว
จู่ๆ ฉันก็นึกถึงคืนวันครบรอบแต่งงาน วันที่ฉันถามเขาว่าเรียนทำอาหารจากใคร เขากลับเหม่อลอยไปครึ่งนาที
ในครึ่งนาทีนั้น
เขากำลังคิดถึงอะไรอยู่นะ
เขากำลังคิดถึงฟู่จินอัน หรือกำลังคิดถึงความทรงจำในตอนที่เขาเรียนทำอาหารกับฟู่จินอันกันแน่
"จะว่าไป เธอต้องขอบคุณฉันด้วยนะ ถ้าไม่มีฉัน เธอคงไม่ได้มีสามีที่ทั้งทำงานเก่งและทำกับข้าวเก่งแบบนี้หรอก" ฟู่จินอันยังคงพูดเสียงสองไม่หยุด
ฉันวางตะเกียบลงทันที อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ้มอย่างเย็นชา "จริงเหรอ แล้วตอนนี้คือชีวิตแต่งงานของเธอไม่ดี เลยอยากให้เขามารับช่วงต่อใช่ไหม?"
"ฟู่ฉีชวน ดูไม่ออกเลยนะว่านายชอบกินของเหลือและรับซื้อขยะแบบนี้" ฉันจ้องมองฟู่ฉีชวนด้วยสายตาที่เย็นชา
"หร่วนหนานจือ เธอหมายความว่ายังไง?!"
ฟู่จินอันโกรธมาก มองฟู่ฉีชวนด้วยตาแดงก่ำ "อาชวน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าพอคุณแต่งงานแล้วแม้แต่คนในครอบครัวก็มีไม่ได้?"
"กินอิ่มแล้วใช่ไหม ฉันจะให้ฉินเจ๋อไปส่ง" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ
"แม้แต่คุณก็ช่วยเธอรังแกฉัน?"
น้ำตาของฟู่จินอันไหลออกมาทันที เธอทำหน้าตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดูน่าสงสาร "นายแน่ใจแล้วว่าจะทิ้งฉัน?"
ฟู่ฉีชวนพูดด้วยเสียงเรียบๆ "เธอเคยสัญญาอะไรกับฉันไว้ เธอก็จำได้หนิ ต่อไปถ้ามีอะไรให้ช่วย เธอติดต่อฉินเจ๋อได้โดยตรงเลย"
ไหล่ของฟู่จินอันสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเธอเจ็บปวดอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟู่ฉีชวนไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใดๆ เธอก็ยิ้มออกมาและพูดด้วยความน้อยใจว่า "ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก ต่อไปนี้ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวกับคุณแล้ว"
เธอลุกขึ้นและดึงกระเป๋าเดินทางออกไปโดยไม่ลังเล
ฉินเจ๋อกำลังรอเธออยู่ในรถ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบลงจากรถเพื่อช่วยเธอยกกระเป๋า
…
ตลอดเวลาฉีชวนไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจที่เขาตัดความสัมพันธ์ได้รวดเร็วเช่นนี้
เมื่อคืนฉันเพิ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จินอัน วันนี้พวกเขาก็ตัดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว