เธอพยุงร่างกายที่ชาของเธอยังไปเตียงที่ อวี่ เหวินห่าวนอนอยู่เมื่อครู่ เธอนอนลง และเธอรู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเธอสั่นเทา เมื่อเธอสงบลง เธอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอได้ใช้เซลล์สมองของเธอไปจนหมด ไม่เคยคิดเลย
พัฒนาการสมองยังไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมุ่งไปทางความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ
มีคนเคยกล่าวว่าวิทยาศาสตร์และและไสยศาสตร์มีความต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วก็มักจะมาบรรจบกัน
เมื่อสมองมีการพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ในกรณีที่สมองสั่งจิตให้หยิบจับเคลื่อนย้ายวัตถุเหล่านั้นได้อย่างอิสระ สมองจะประมวลข้อมูลทุกอย่างเองโดยอัตโนมัติ เหมือนในปัจจุบันที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังบูชากราบไหว้พระเจ้า
เธอค่อย ๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้น พยายามแตะกล่องยาในกระเป๋าเสื้อ เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย แขนเสื้อเลื่อนลงมาเผยให้เห็นข้อมือขาว แต่มีรอยแดงบนข้อมือของเธอซึ่งเป็นแผล
เธอตกใจ ไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บตอนไหน? อาจจะเป็นตอนที่กำลังทะเลาะกับ อวี่ เหวินห่าว
ไม่น่าจะใช่ เลือดที่ขอบปากแข็งตัวแล้ว และรอยเลือดที่แขนเสื้อก็แห้งแล้วด้วย แผลนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างน้อยเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงที่แล้วอย่างงั้นหรือ?
หยวน ชิงหลิง หรี่ตาครุ่นคิด และจำได้ว่าขณะรออยู่นอกห้องโถง เธอถูก อวี่ เหวินห่าวเหวี่ยงลงไปที่พื้น และ ฉู่ หมิงชุ่ยก็มาช่วยเธอเอาไว้
หรือว่า เธอไม่ได้ต้องการช่วย?
เธอจำได้ว่า เมื่อ ฉู่ หมิงชุ่ยถอยกลับไปหาอ๋องฉี สายตาของเธอก็แปลกไป อยู่ ๆ หัวใจของ หยวน ชิงหลิงก็เต้นรัวขึ้น
ฉู่ หมิงชุ่ย จงใจทำร้ายเธอ แต่ไม่รู้ว่าเธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเพราะยาจื่อจิน และถ้าหากเป็น หยวน ชิงหลิงคนก่อน เธอจะต้องทั้งโกรธและด่าทันที ในสถานการณ์เช่นนั้ัน ถ้าเธอไม่ถูกฆ่าให้ตาย ก็จะต้องถูกพาตัวไปไว้ในห้องขังและถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน
หยวน ชิงหลิงรู้สึกเย็นไปทั้งตัว เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจิตใจของผู้คนจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้
แต่ในตอนแรกเธอคิดว่า ฉู่ หมิงชุ่ยเป็นคนดี ทุกคนมองเธออย่างนั้น ทุกคนก็นับถือเธอ
แต่ภายใต้ใบหน้าที่สวยงามและอ่อนโยนของเธอ มันแฝงจิตใจอันชั่วร้ายไว้
เธอต้องการหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับพฤติกรรมของ ฉู่ หมิงชุ่ย อย่างเช่น หยวน ชิงหลิงทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับอ๋องฉู่ เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอหันไปสู่อ้อมกอดของอ๋องฉี
ข้าราชบริพารทุกพระองค์ ต่างก็ได้เข้าไปถวายกราบบังคมเคารพจนครบทุกพระองค์แล้ว ณ เพลานี้ ทุกคนกำลังคุกเข่าอยู่นอกม่านกั้น รอเวลาที่ไท่ซ่างหวงจะสิ้นพระชนม์
บรรยากาศในพระตำหนักเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย จนรับรู้ได้ว่าอากาศที่ล้อมรอบอยู่ภายใน ณ ที่นี้นั้นอัดแน่นไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยอาวรณ์ ไทเฮาและนางสนมผู้สูงศักดิ์ต่างก็เศร้าโศกโทมนัสอย่างหาทที่สุดมิได้ จึงถูกพยุงออกไปพักผ่อนด้านนอก
จัจักรพรรดิหมิงหยวน ก็ประทับอยู่ข้างนอกเช่นกัน รอฉางกงกงที่อยู่ข้างในออกมาประกาศ พระองค์ก็พร้อมที่จะถวายบังคับเพื่อน้อมส่งเสด็จ
ทุกคนกำลังเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานั้น
ในที่สุด ม่านกั้นสีเขียวก็ถูกเปิด สีหน้าท่าทางของจักรพรรดิหมิงหยวนดูแย่ลง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงลง แต่ไม่ได้คุกเข่าลง และฉางกงกงกล่าวด้วยความยินดี "ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งจะเสวยข้าวต้ม"
ฮ่องเต้ทรงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบสาวพระบาทเสด็จไปทอดพระเนตร ไท่ซ่างหวง กำลังเปิดพระเนตขึ้นแล้วลูบขนของฟูเป่า ท่าทางที่เกษมสำราญยิ่ง สีพระพักตร์ของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
“เร็วเข้า รีบไปเตรียมข้าวต้มในครัวหลวง!” จักรพรรดิหมิงหยวนดีใจอย่างยิ่ง และเสียงของเขาก็ยังเปลี่ยนไป

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้หล้าสยบรัก