บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง! นิยาย บท 3

สรุปบท บทที่ 3 ผมชอบที่จะเป็นคนขับรถ: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!

บทที่ 3 ผมชอบที่จะเป็นคนขับรถ – ตอนที่ต้องอ่านของ บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!

ตอนนี้ของ บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง! โดย เทียนมาสิงคง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 3 ผมชอบที่จะเป็นคนขับรถ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ซ่งเย่เรียกหลินฮ่าวว่า 'เสี่ยวฮ่าว' ตามอาเหยาและน้าเหยา ซึ่งจงใจลดสถานะของหลินฮ่าวลงและยกตัวเองขึ้น

"หลินฮ่าว, ซ่งเย่ไม่ใช่แค่นักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยปินเจียง แต่ตอนนี้เขาเป็นพนักงานยอดเยี่ยมของบริษัทใหญ่อีกด้วย และกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าแผนก ในด้านเรื่องงาน นายสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจากเขาได้ โอกาสแบบนี้มีเงินซื้อไม่ได้ ได้ยินไหม” น้าเหยาดูเหมือนจะเตือนหลินฮ่าวอย่างใจดี แต่จริงๆ แล้วเธอกำลังชมซ่งเย่ซึ่งทำให้ซ่งเย่ดูภูมิใจในตัวเองอย่างมาก

"ผมรู้ครับ"

หลินฮ่าวเอาเกี๊ยวเสร็จมานั่งข้างอาเหยาและพูดว่า “งานวันนี้ก็เหมือนทุกๆวัน พอใช้ได้”

“แบบนี้ไม่ได้เลยนะ”

น้าเหยาส่ายหน้า “ถึงตอนนี้นายสามารถหาเงินได้เล็กน้อย ก็พอดำรงชีวิตได้ แต่ในอนาคตนายต้องซื้อบ้านแต่งงาน ต้องใช้เงินมากมาย แค่ซื้อของขวัญให้ทางบ้านภรรยาก็ไม่รู้จะใช้จ่ายเท่าไหร่แล้ว เหมือนกับของขวัญที่ซ่งเย่ซื้อมาในวันนี้ มีมูลค่ากว่า 1,000 หยวน นายต้องขับแท็กซี่หนึ่งอาทิตย์เลยนะถึงจะได้เงินมากขนาดนี้”

อาเหยาขมวดมากขึ้นกว่าเดิม ฟังจากสิ่งที่น้าเหยาสื่อออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการจับคู่ซ่งเย่กับเหยาซือหย่า ไปต่อว่าน้าเหยา ก็ไม่ได้ ก็ซ่งเย่มีชีวิตที่ดี และหาเงินได้ไม่น้อย ได้ข่าวว่ารถที่เขาขับมาวันนี้เป็นรถ Audi และต้องใช้เงินสามแสนกว่าหยวนถึงจะซื้อได้

เหยาซือหย่ากัดริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย

หลินฮ่าวก้มหน้าก้มตากินเกี๊ยว ท่าทีเหมือนกำลังฟังคำสอน

“หึหึ น้าเหยา อันที่จริงผมสามารถประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ ก็เพราะความพยายามของตนครับ” ซ่งเย่ถ่อมตัว แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นมองไปที่หลินฮ่าวและกล่าวว่า “ดังนั้นเสี่ยวฮ่าว ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและมีที่ยืนในสังคมนี้ ต้องพยายามอย่างมากนะ และการขับแท็กซี่นั้น คงไม่มีทางประสบผลสำเร็จอะไรหรอก เอาอย่างนี้ไหม หลังจากที่ฉันได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า ฉันจะหาวิธีรับคุณเข้ามาที่บริษัทของฉัน แล้วคุณก็ทำงานไปกับฉัน”

ดูผิวเผินอาจดูเหมือนว่าเขากำลังช่วยหลินฮ่าว แต่แววตาของเขาเย็นชา

ตราบใดที่หลินฮ่าวไปทำงานที่บริษัทเดียวกับเขา เขาจะหาทุกวิธีเพื่อทำให้เขาอับอายขายหน้า เพราะเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว อาเหยาดูเหมือนจะชอบหลินฮ่าวมาก และแม้แต่เหยาซือหย่าเองก็ชอบหลินฮ่าวเล็กน้อย เขาจะทนได้อย่างไร

"หลินฮ่าว ทำไมไม่รีบขอบคุณซ่งเย่ ถ้านายไปสมัครงานด้วยตัวเอง ทั้งชีวิตนี้คงไม่มีวันได้ร่วมงานกับบริษัทที่ซ่งเย่ทำอย่างแน่นอน ตอนนี้ ซ่งเย่ช่วยนายแล้ว นั่นคือบุญคุณที่นายสะสมมาเมื่อชาติที่แล้ว”

น้าเหยาพูดไม่หยุด“นายรู้ไหมว่าซ่งเย่ทำงานที่บริษัทอะไร? เทียนหยูกรุ๊ป! เป็นบริษัทระดับต้นๆของจริง อยู่ในอันดับที่ดีในเมืองปินเจียง แม้แต่เสี่ยวหย่า ซึ่งเป็นเด็กเรียนดีในมหาวิทยาลัยปินเจียง ยังต้องผ่านการแนะนำของซ่งเย่จึงจะมีโอกาสเข้าสู่เทียนหยูกรุ๊ป แต่พรุ่งนี้จะมีรอบสัมภาษณ์อีก”

แม้แต่อาเหยาและเหยาซือหย่าเองก็หวั่นไหวเล็กน้อย

เทียนหยูกรุ๊ป บริษัทนี้มีขนาดใหญ่มาก มีพนักงานหลายพันคน และมีมูลค่าทางตลาดหลายหมื่นล้าน มหาวิทยาลัยปินเจียงเป็นมหาลัยอันดับหนึ่งในเมืองปินเจียง และนักเรียนส่วนใหญ่ของมหาลัยนี้ตั้งเป้าหมายของตนไว้ว่า เมื่อสำเร็จการศึกษาจะเข้าสู้เทียนหยูกรุ๊ป เนื่องจากเทียนหยูกรุ๊ปเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เกณฑ์การเข้าบริษัทนี้ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่บัณฑิตปริญญาโทของมหาวิทยาลัยปินเจียง อยากจะเข้ามาทำงานที่นี่ยังยากเลย

ถ้าหลินฮ่าวที่เพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นก็สามารถเข้าไปทำงานที่เทียนหยูกรุ๊ปได้ เช่นนั้นเหมือนได้พรจากฟ้าจริงๆ

“ผมรู้สึกว่าขับแท็กซี่ก็ไม่เลวนะ”

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทุกคนคิดว่า หลินฮ่าว จะขอความช่วยเหลือจาก ซ่งเย่หลินฮ่าว กลับตัดสินใจอย่างไม่คาดฝัน

ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม ไม่ได้หวั่นไหวเลย

“หึ!” ซ่งเย่สูดหายใจเบาๆ และไม่พูดอะไร

น้าเหยาโกรธเคือง แต่กังวลว่าซ่งเย่จะไม่พอใจ จึงรีบพูดขึ้นว่า “หลินฮ่าว นายไม่รู้จักรับบุญคุณเลย แต่ก็นะ แม้ว่าซ่งเย่ยินดีจะช่วยนาย แต่ด้วยความสามารถของนาย ก็คงไม่สามารถเข้าไปทำงานบริษัทนี้ได้ นายน่ะ ขับแท็กซี่ไปทั้งชีวิตดีกว่า”

หลินฮ่าวเปิดไฟ เดินไปเปิดประตู และเห็นอาเหยายืนถือไม้เท้าอยู่นอกประตู

“อาเหยา ทำไมยังไม่นอนอีก” หลินฮ่าวก้าวไปข้างหน้าและพยุงอาเหยาให้นั่งลงในห้อง แล้วปิดประตูจากนั้นยื่นบุหรี่ให้เขา

อาเหยาสูบบุหรี่ไปสองสามคำอย่างหนัก จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดว่า “เสี่ยวฮ่าว ฉัน... ฉันขอโทษนะ!”

“อาเหยาทำไมจู่ๆถึงพูดแบบนี้? “หลินฮ่าวนั่งข้าง ๆ และสูบบุหรี่พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้อ ตอนนั้นพ่อแม่ของนายดีกับฉันเหมือนพี่น้องแท้ๆ พวกเขาดูแลฉันทุกอย่าง แม้แต่ฝีมือการทำงานพวกเขาก็เป็นคนสอนฉัน จากนั้นพวกเขาประสบอุบัติเหตุ ฉันไม่เพียงแต่ดูแลนายไม่ดี แลพยังปล่อยให้นายลำบากมาตั้งหลายปี”

อาเหยาก้มหน้าลงและพูดต่อ " ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นายทุ่มเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามา เพื่อรักษาฉันและส่งเสี่ยวหย่าเรียน ส่วนนายเองไม่ได้เก็บเงินไว้เลยแม้แต่น้อย แต่เดิมฉันอยากจะให้นายและเสี่ยวหย่าได้คบหากัน แต่ตอนนี้เสี่ยวหย่ากลับต้องการคบหากับซ่งเย่ ต่อไปหากฉันตายไป ฉันจะสู้หน้าพ่อแม่นายได้อย่างไร?”

เมื่อพูดถึงตอนท้ายๆ น้ำเสียงของอาเหยาเริ่มสะอื้นแล้ว

“อาเหยา อย่าเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้โทษอาเลยจริงๆ!” หลินฮ่าวตบไหล่อาเหยาแล้วพูดว่า “ตอนนั้นผมหนีออกจากบ้านเพราะอารมณ์ร้อนของตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดของลุง ส่วนการที่เสี่ยวหย่าเลือกคบหากับซ่งเย่และผมเคารพการตัดสินใจของเธอ แต่สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ เธอคงไม่ชอบคนอย่างซ่งเย่หรอกมั้งครับ?”

“มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกนายเลย อันที่จริง ก่อนที่นายจะกลับมา ครอบครัวเราเป็นหนี้ค่ารักษาขาของฉันเกือบแสนกว่าแล้ว ตอนนี้ฉันแทบไม่มีเงินแล้ว และเพื่อที่เคยให้ฉันยืมเงินตอนนี้ก็ทวงถี่มากขึ้น และยังพูดอีกว่า ถ้าไม่คืนเงิน พวกเขาจะหามาเฟียมาทวงหนี้เอง ไม่รู้ทำไมซ่งเย่ไปรู้เรื่องนี้เข้า ซ่งเย่จึงไปหาเสี่ยวหย่า และบอกเสี่ยวหย่า ว่า ขอแค่เสี่ยวหย่า แต่งงานกับเขา เขาจะช่วยใช้หนี้ และยังจะแนะนำเสี่ยวหย่า เข้าบริษัทเขาอีกด้วย”

อาเหยา ยิ่งพูดยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น “ที่จริงแล้ว เสี่ยวหย่าไม่ชอบซ่งเย่เลย แต่เธอกลัวว่ามาเฟียมาทวงหนี้แล้วจะทำร้ายฉันและน้าเหยา จึงเห็นด้วยกับซ่งเย่ตราบใดที่เธอเข้าไปทำงานในบริษัทเดียวกับซ่งเย่แล้ว ก็จะตกลงเป็นแฟนกับซ่งเย่ฉัน......ฉันทำให้พวกแกลำบากเอง! ถ้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ สองสามปีก่อนฉันควรจะตายไปเสียดีกว่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!