บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 110

เย่จายซิงจ้องเลือดของเสี่ยวยู่ แล้วพบว่ามีไอของเลือดวิหคเพลิงแท้เหมือนกับนางที่ยังไม่ตื่นตัว

หากไม่ใช่นางที่มีเลือดวิหคเพลิงแท้เช่นกันจึงคุ้นเคยกับมัน นางก็คงไม่รู้ว่าเลือดของเขาแตกต่างจากของตน

นี่ถือว่าเป็นสัญญาที่ดี อย่างน้อยๆ ก่อนที่เลือดที่จะตื่นตัว จะทำให้ยังไม่มีใครรู้เรื่องเลือดวิหคเพลิงแท้ จึงสามารถแอบเอาไว้ชั่วคราวก่อนได้

“ดูท่าแล้วท่านแม่ของพวกเราน่าจะเป็นองค์หญิงแห่งเผ่าวิหคเพลิงจริง มิเช่นนั้นแล้วในร่างของพวกเราทั้งสองคนคงจะไม่มีเลือดวิหคเพลิงแท้เหมือนกัน บางทีท่านพ่ออาจจะไปตามหานางอยู่ แต่ข้าจำได้ว่าท่านแม่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว บางทีอาจจะลืมท่านพ่อและพวกเราสองคนไปแล้ว”

นางกล่าวกับเสี่ยวยู่

“ขอแค่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ลืมพวกเราไปแล้วก็ไม่เป็นไร พวกเราขอแค่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ”

เย่ยู่หยางสูดหายใจลึกพลางกล่าว

แต่ในใจของเขารู้สึกเสียใจแทนพ่อเขาอย่างมาก พ่อรักแม่ลึกซึ้งมากขนาดนั้น เมื่อแม่ต้องสูญเสียความทรงจำที่หวานหอมในอดีตไป เหลือเพียงพ่อคนเดียวที่จำได้

สำหรับพ่อแล้ว คงเจ็บปวดใจมาก

เย่จายซิงมองแววตาของเขาก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หากนางบอกเขาว่า ท่านแม่อยู่ที่อาณาจักรเวหาทิพย์และมีผู้ชายที่เก่งกาจมากคนหนึ่งกำลังตามจีบนาง เขาจะต้องยิ่งเสียใจแน่ๆ

“เสี่ยวยู่ การที่พวกเราจะไปที่อาณาจักรเวหาทิพย์นั้นเป็นเรื่องยาก เว้นเสียแต่ว่าวันหนึ่งพวกเราจะฝึกตนถึงขั้นสูงสุดของแผ่นดินเทียนเหย้า เว้นเสียแต่ว่าจะมีของขลังหรือว่าค่ายวาร์ปโบราณส่งพวกเราไปที่นั่น มิเช่นนั้นแล้วภายในเวลาภายในไม่กี่ปีนี้พวกเราคงไม่สามารถไปหาพวกเขาได้”

“อืมๆ ท่านพี่ ข้ารู้แล้ว ข้าจะตั้งใจฝึกให้ดี ข้าจะได้เป็นผู้แข็งแกร่งไวๆ ข้าจะได้ปกป้องท่าน และข้าจะได้พาท่านพี่ไปที่อาณาจักรเวหาทิพย์ให้ได้!”

เขากล่าวด้วยสายตาแน่วแน่

เย่จายซิงลูบหัวเขาแล้วกล่าวกับเขาว่า “เจ้าไม่ต้องปกป้องพี่หรอก เจ้าดูการฝึกตนของข้าสิ”

เมื่อกล่าวจบ นางก็แสดงการฝึกตนออกมา

จากนั้นสีหน้าของเสี่ยวยู่ก็ค่อยๆ ตื่นเต้นขึ้นทีละนิด และเริ่มหรี่ตาลงเรื่อยๆ

“แดนศิษย์ทิพย์ขั้น 7!”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นางได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เทือกเขาอัสดงรวมทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางกลับมาให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ และตัดส่วนที่ฟังแล้วน่ากลัวออกไป

“ไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะได้ดีจากความลำบาก เพราะไข่มุกกลียุคเม็ดนั้น ทำให้มีรากทิพย์กลียุคงอกออกมา ดียิ่งนัก”

เย่ยู่หยางดีใจกว่าเรื่องที่ตนฟื้นฟูการฝึกตนได้เสียอีก เขารู้สึกตื่นเต้นออกมาจากใจจริง และดีใจแทนพี่สาวของตนด้วย วันหน้าพี่สาวจะไม่ใช่คนไร้ประโยชน์เหมือนอย่างที่ใครๆ เรียกกันอีกแล้ว นางคืออัจฉริยะในอัจฉริยะ

แค่เพิ่งเริ่มต้นฝึกตน ก็มีระดับการฝึกตนที่ไม่ห่างจากเขามากนัก อีกไม่นานก็คงจะมีความสามารถที่เหนือกว่าเขาแน่นอน

หากเทียบความสามารถของเขากับพี่ ก็นับว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

เขาแอบสาบานเงียบๆ ในใจ วันหน้าเขาจะต้องหาคนที่ขุดรากทิพย์ของพี่สาวตนไปให้ได้ แล้วแก้แค้นความแค้นครั้งนี้

เวลาแห่งความอัปยศถึงสิบห้าปี ไม่ใช่ระยะเวลาที่คนทั่วไปจะอดทนได้

“เสี่ยวยู่ ข้าพูดกับเจ้าเรื่องนี้ก็เพราะต้องการจะบอกเจ้าว่า พี่สามารถจัดการกับปัญหาหลายๆ อย่างได้เองแล้ว เจ้าอย่าเคร่งเครียดกับตนเองมากเกินไป เจ้าอายุยังน้อย อย่ารีบโตเกินไป หากอยากออกไปเที่ยวเล่นก็ออก อยากมีเพื่อนก็มี หากมีสตรีที่ชอบก็พากลับมาที่บ้านได้! หากมีหลานโดยบังเอิญขึ้นมาก็อุ้มกลับบ้านมาให้ข้าช่วยเลี้ยงได้เช่นกัน”

“ยิ่งท่านพูดก็ยิ่งไม่เข้าที ข้าเพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่เอง”

เย่ยู่หยางหูแดง ไม่อยากพูดอะไรกับนางอีกแล้ว

เย่จายซิงหลุดขำออกมา นางชอบหยอกล้อกับเสี่ยวยู่ ดูท่าจะเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“เอาล่ะๆ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้ากลับห้องก่อนนะ เจ้าจำคำพูดของข้าเอาไว้ให้ดี อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนัก หากฟ้าดินถล่ม เจ้าก็ยังมีพี่อยู่ทั้งคน”

เมื่อนางออกไปแล้ว เย่ยู่หยางจึงพูดเบาๆ กับตนว่า “ข้าเป็นลูกผู้ชายแท้ๆ จะให้พี่ปกป้องข้าได้อย่างไร ข้าต้องปกป้องพี่ต่างหาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา