บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 2104

เจ้าห้าเลือกที่จะไปพบลูกชายของเหยื่อ เพราะนี่เป็นเคสแรกที่เขาเลือกทำในฐานะนักล่าค่าหัว บวกกับได้รู้สถานการณ์ของเขาอยู่บ้าง ทางสำนักงานการทางให้ข้อมูลมา

ดังนั้น เขาจึงรู้สึกสงสารชายหนุ่มคนนี้มาก เงินรางวัลก้อนนี้ที่ได้มา เขาวางแผนไว้ว่าจะให้ชายหนุ่มคนนี้ครึ่งหนึ่ง

แม้ว่าเขาจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทางอาญาได้ แต่น่ากลัวว่าอาจกลายเป็นน้ำแก้วเดียวดับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ทั้งคัน คงจะเสียแรงเปล่าแน่ ๆ เพราะยังมีอีกครอบครัวที่ตายไปถึงห้าชีวิตนั่นด้วย

ครอบครัวนั้นประกอบด้วยสองสามีภรรยา ลูกสองคน กับแม่สามีที่มาช่วยเลี้ยงเด็ก

ฝ่ายภรรยาที่ตายไปเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่ของเธอต้องมาเสียลูกสาวไปในวัยชรา ไม่มีใครให้พึ่งพิงได้อีก

ดังนั้น เงินส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง เขาจึงตั้งใจจะมอบให้สองคนตายายนั้น

เบื้องหลังการฆาตกรรม มันไม่ได้จบแค่คนเพียงคนเดียว แต่ยังรวมไปถึงครอบครัวของเหยื่อด้วย วิถีชีวิตของบางคนต้องเปลี่ยนไป นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา

ช่วงหนึ่งทุ่ม หยู่เหวินเห้าสวมหน้ากากมายืนอยู่หน้าประตูบ้านของครอบครัวนั้น

วันนี้พวกเขาเพิ่งรู้ว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาถูกจับตัวได้แล้ว ดังนั้นลูกชายจึงขอเลิกงานก่อนเวลาแล้วรีบกลับมาบ้าน เพื่อบอกข่าวดีกับแม่และน้องสาวของเขา

ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน น้องสาวที่เรียนมหาวิทยาลัยก็อยู่บ้านด้วย

ย่านชุมชนเก่า อาคารหก หยู่เหวินเห้าเคาะประตู

คนที่มาเปิดประตู ก็คือลูกชายของพนักงานสุขาภิบาลคนนั้น มีชื่อว่าซืออวี่

ซืออวี่มองไปที่ชายสวมหน้ากาก ถามขึ้นอย่างสงสัย: "คุณมาหาใครเหรอ?

"ฉันมาหาเธอ!" หยู่เหวินเห้าเหลือบมองเข้าไปในห้อง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่า มีคนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว เมื่อมองไปที่เงาร่างนั้น เหมือนว่าจะเป็นน้องสาวของครอบครัวนี้

บ้านมีขนาดเล็กมาก กวาดตามองทีเดียวก็เห็นจนทั่วแล้ว

"มาหาผม?" ซืออวี่ไม่ได้เชิญเขาเข้ามาในบ้าน เพราะถึงยังไงก็เป็นคนแปลกหน้า

เขาใช้ชีวิตล้มลุกคลุกคลานในสังคมนี้มานานหลายปี ต้องมองทะลุจิตใจคน มีคนชั่วร้ายมากมายเหลือเกินแล้ว

หยู่เหวินเห้าส่งนมลังหนึ่งไปให้ "ฉันเป็นตำรวจอาสาที่สอบสวนคดีพ่อของเธอ พอดีเลิกงานแล้วเลยแวะมาเยี่ยมดูพวกเธอสักหน่อย"

ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นตำรวจอาสา ซืออวี่ก็รีบเชิญเขาเข้าบ้านทันที

แต่หยู่เหวินเห้ากลับพูดว่า: "ฉันไม่เข้าไปแล้วดีกว่า ฉันแค่แวะมาเยี่ยมพวกเธอ พอดีว่าจากนี้ยังมีธุระที่ต้องไปทำน่ะ"

เขาวางนมลง ตบ ๆ ที่ไหล่ของซืออวี่ "หนุ่มน้อย ขยันเข้าไว้ ชีวิตของคนเราจะถูกเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เธอสามารถทำให้ทุกอย่างมันกลับมาสู่เส้นทางเดิมได้ ด้วยความพยายามของตัวเองนะ"

หยู่เหวินเห้าพูดจบก็จากไป

ซืออวี่จ้องมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ เลือนหายไปทางบันได หวนนึกถึงคำพูดของเขา แต่ก็อดยกยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ กลับสู่เส้นทางเดิมเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?

ตอนนี้เขาไม่มีเงินเก็บเลย เงินที่เขาได้รับทุกเดือน ก็ยังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเขาด้วยซ้ำ

น้องสาวกำลังเรียนอยู่ แม่ต้องกินยา ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก็ซ ค่าอาหารทุกเดือน มีอันไหนบ้างที่ไม่ต้องเสียเงิน?

เขาถึงขั้นไม่กล้ามีแฟนด้วยซ้ำ เพราะเขารับภาระค่าใช้จ่ายในการพาแฟนไปเดทไม่ได้

กระทั่งจะชวนผู้หญิงไปดูหนังสักเรื่อง หรือกินข้าวสักมื้อ เขาก็ยังต้องปวดใจไปเกือบครึ่งวัน

อย่างน้อย ๆ ก็ต้องรอให้น้องสาวออกมาทำงานได้ก่อน ให้พอช่วยแบ่งเบาภาระในครอบครัวได้แล้ว ถึงจะสามารถคิดเรื่องของตัวเองได้

เขาตะโกนขอบคุณตามหลังหยู่เหวินเห้าไป ก่อนจะยกลังนมกลับไป

ถึงนมจะไม่ใช่ของหายากอะไร แต่ก็เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้แม่ได้ อาศัยที่วันนี้ยังไม่ได้กินข้าว แถมแม่ก็บอกว่าหิวตั้งนานแล้ว เขาเลยเปิดลังนม คิดจะหยิบให้แม่กินก่อนสักขวด

แต่กลับพบว่าลังนมใบนี้มีรอยถูกแกะออกก่อนหน้านี้แล้ว ภายในมีนมเพียงชั้นเดียว ส่วนข้างบนมีเงินสดหลายปึกวางเรียงซ้อนกันอยู่

ยังมีจดหมายอีกฉบับหนึ่งด้วย

เขารีบหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในจดหมายเขียนว่า : ฉันคือนักล่าค่าหัว ได้เงินรางวัลมาจากการชี้เบาะแสของฆาตกร ตัวฉันแค่ยื่นมือเข้าช่วยนิด ๆ หน่อย ๆ เงินค่าหัวพวกนี้จะรับไว้ก็ละอาย จึงตั้งใจมอบให้เธอ หวังว่าเงินก้อนนี้จะสามารถนำพาความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ มาสู่ชีวิตที่ต้องเผชิญกับปัญหามากมายของเธอได้

ในจดหมายยังมีใบปลิวอีกฉบับด้วย เป็นใบปลิวของมหาวิทยาลัยสำหรับผู้ใหญ่ บนใบปลิวยังมีข้อความบนนั้นเขียนไว้อีกบรรทัดหนึ่งว่า ไปหาข้าวกินดี ๆ ก่อนสักมื้อ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ตัวเอง รักตัวเองให้มาก ๆ แล้วออกไปสู้ต่อนะ

ซืออวี่ยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้แบบไม่มีเสียง

แปดปีที่ผ่านมา เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาทำได้แค่รักใคร่ห่วงใยแม่กับน้องสาว แต่ไม่มีใครรักใคร่ห่วงใยเขาได้

เขาลืมไปแล้วว่า แท้ที่จริงเขาสามารถรักใคร่ห่วงใยตัวเองได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน