บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1040

ความผิดหวังของหงเย่ปรากฏให้เห็นเพียงครู่เดียว แล้วจึงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้ง แต่รอยยิ้มครั้งนี้ สามารถมองเห็นความเย็นชาที่แฝงอยู่ในก้นบึ้งดวงตาของเขาได้ด้วย "ดี ดีแล้วล่ะ"

หยวนชิงหลิงถอนหายใจเฮือก ครั้งต่อไปที่มา อย่างไรก็ต้องมากับเจ้าห้าถึงจะดีที่สุด

นางคิดหนักว่า ครั้งนี้จะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าห้าดีหรือไม่ ถ้านางบอก เขาจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อตามคิดบัญชีกับอะโฉ่วแน่ แต่ถ้านางไม่บอก แต่ไหนแต่ไรมาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาล้วนเปิดเผยจริงใจ ไม่เคยมีความลับต่อกัน ดังนั้นจึงไม่อาจทำเรื่องที่อาจกลายเป็นเยี่ยงอย่างเช่นนี้ขึ้นมาได้

อะซี่ก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อห่มผ้าห่มให้นาง รู้สึกหวั่น ๆ ในใจไม่หาย "มาที่นี่ตอนกลางดึกไม่พอ ยังมาพูดจาไม่ถูกทำนองคลองธรรมไม่อายฟ้าดินได้หน้าตาเฉย พี่หยวน พรุ่งนี้เช้าพวกเรารีบกลับกันเลยเถอะ น่ากลัวเกินไปแล้ว"

อะซี่รู้ว่าถ้าหงเย่เกิดเล่นลูกไม้อะไรขึ้นมา ตัวเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าถ้าจะยั่วยุเขาให้มันน้อย ๆ หน่อย

“ได้ พรุ่งนี้พวกเรากลับกันเลย” หยวนชิงหลิงก็กลัวความคลุมเครือไม่ชัดเจนนี้ ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ หงเย่ทำตัวแปลกประหลาดเกินไปจริง ๆ ดูพยายามเอาอกเอาใจจนผิดปกติ ทั้งยังลมพัดลมเพเอาแน่เอานอนไม่ได้ ราวกับว่าอยู่ ๆ นิสัยของเขาถูกฉีกออกเป็นจนเป็นโพรงไปทั่วอะไรแบบนั้น

ในวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง อะซี่ก็เข้ามามาเก็บกวาดข้าวของ พูดว่า "รถม้าถูกขับออกมาเตรียมไว้แล้ว ท่านเดินไหวหรือไม่? ถ้าเดินไม่ไหวข้าแบกท่านลงไปก็ได้นะ"

หยวนชิงหลิงพยายามจะลงไปที่พื้น ใช้ไม้ค้ำของหงเย่พยุงเดินไปได้หลายก้าว ก็พูดว่า: "ไม่ต้องแบกข้าหรอก ตอนข้าลงไปข้างล่างเจ้าแค่ช่วยพยุงข้าก็พอ"

วันนี้เท้าของนางบวมขึ้นมาแล้ว บวมขึ้นกว่าเมื่อวานไม่น้อย ทั้งยังเจ็บมากขึ้นด้วย นางต้องกลับไปดู ๆ หน่อยว่า พอจะใส่เฝือกแข็งหรือพอจะดามขาได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้น มันคงจะไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวเท่าไหร่แน่ ๆ

หลังจากลงบันไดไปอย่างยากลำบาก จนมาถึงโถงหน้าระหว่างรออะซี่จ่ายเงิน หยวนชิงหลิงกับซาลาเปาก็มานั่งรอที่เก้าอี้ ซาลาเปายังมีท่าทีง่วงงุนสะลึมสะลือ มีหมาป่าหิมะนอนหมอบอยู่ที่ปลายเท้าของเขา ดูสะลึมสะลือไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

หงเย่กับอะโฉ่วก็ลงมาด้วยเช่นกัน หยวนชิงหลิงมองไป ก็เห็นว่าอะโฉ่วเดินขากะเผลก ๆ ไปข้างหนึ่ง แล้วใช้สายตาที่มาดร้ายไม่ต่างจากอสรพิษมองมาที่นางอย่างเคียดแค้นชิงชัง เหมือนแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะฆ่านางให้ตายไปให้พ้น ๆ อยู่ตลอดเวลา เป็นสายตาที่ทำให้หัวใจของหยวนชิงหลิงสั่นสะท้านไม่หยุด

หงเย่เดินเข้ามา พูดอย่างราบเรียบว่า: "ข้าล้างแค้นให้เจ้าแล้วนะ"

หยวนชิงหลิงไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย อันที่จริง นางรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทำอะไรลงไปก็เงียบ ๆ ไว้ไม่ได้หรืออย่างไรกัน? ทำไมกลับต้องมาพูดต่อหน้าอะโฉ่วแบบนี้ด้วย? นี่ไม่เท่ากับว่ายิ่งไปเพิ่มความเคียดแค้นชิงชังให้นางหรอกรึ?

คนที่เก่งกาจในการวางแผน จำเป็นต้องเก่งกาจในการไตร่ตรองจิตใจคนด้วย ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ก็หมายความว่า เขาคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมอะโฉ่วได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจควบคุมได้ ไม่แน่ว่าหงเย่อาจไม่รู้ในจุดนี้

ในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกซับซ้อนมาก คิดแค่อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วขึ้นอีกหน่อย

“ระหว่างทาง พวกเจ้าก็ระวังตัวกันหน่อยล่ะ ข้าคงไม่ได้ไปส่งพวกเจ้ากลับเมืองหลวงนะ ” หงเย่พูดต่อ

“ลุงหงเย่ เจ้าจะไปไหนรึ?” ในเวลานี้ซาลาเปายังไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงตั้งป้อมระวังหงเย่อยู่ เขาคิดแค่ว่าได้เดินทางต่อมันสนุกดี อันที่จริง เขาไม่ค่อยเต็มใจจะกลับไปเมืองหลวงเท่าไหร่นัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมาข้างนอกสักครั้ง

หงเย่หันกลับไปมองซาลาเปา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ไปทะเลสาบจิ้ง"

“ข้าก็อยากไปเหมือนกัน” ซาลาเปากระโดดแผล็ว “เดิมทีพวกเราก็กำลังจะไปทะเลสาบจิ้งล่ะ”

หงเย่อุ้มเขาขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง "ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง"

หยวนชิงหลิงรีบพูดขึ้นทันทีว่า: “ไปไม่ได้ กลับเมืองหลวง”

ซาลาเปาพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ: “ทำไมถึงไปไม่ได้ล่ะ ลุงหงเย่จะส่งข้ากลับไปเองแหล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน