บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1130

บัดนี้ตระกูลตี๋ไม่รุ่งโรจน์ดังก่อนแล้ว แม้ตี๋เว่ยหมิงจะไม่ได้ทำอะไรอีก แต่ก็เสียตำแหน่งขุนนางไป เดิมต้องขับออกจากเมืองหลวง แต่เพราะป่วยหนักถึงได้รับพระกรุณาให้กลับมา แต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แล้วจึงย้ายไปรักษาที่เรือนรอง ตอนนี้ตระกูลตี๋ราวกับเม็ดทรายที่แตกระแหง แต่ละครอบครัวล้วนต่อว่า เกิดความบาดหมาง แม้ไม่แยกบ้านออกไปแต่ก็เหมือนคนแปลกหน้า

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ดีว่าทางฟางกั๋วกงให้ความช่วยเหลือเรื่องการเงิน ทำให้ไม่ตกอับเกินไปในช่วงเวลาหนึ่ง

แต่ฟางกั๋วกงผิดหวังกับหลานนอกคนนี้อยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าเพราะผิดหวังกับตี๋เว่ยหมิงที่เป็นลูกเขยก่อนจึงเป็นเช่นนี้ มักคิดว่าความทะเยอทะยานของเขามากเกินไปจึงทำให้ตระกูลตี๋ล่มสลาย

ด้วยเหตุนี้ เมื่อช่วยเหลือด้านการเงินมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ก็เกิดความคิดเบื่อหน่ายแล้ว พวกเขาไม่ก้าวหน้า ส่งคนไปเตือนหลายครั้งก็ไม่มีใครฟัง อย่างไรก็ตามตาทวดก็เห็นพวกเขาตกระกำลำบากไม่ได้ แต่ฟางกั๋วกงก็โอบอุ้มสองสามเดือนไม่ไหวจริงๆ

ก่อนหน้านี้ตี๋กุ้ยเฟยยังอยากช่วยพวกเขาวิ่งเต้น หาตำแหน่งอะไรสักหน่อย แต่ตอนนี้เมื่อตี๋กุ้ยเฟยไม่สนใจพวกเขาแล้ว พวกเขาก็เกิดความเคียดแค้นต่อนาง ทั้งยังลามมาถึงตัวอ๋องอานด้วย ด้วยสภาพเช่นนี้ เรื่องดีไม่ทำ แต่กลับหาช่องทางฉวยโอกาส ตี๋จงเหลียงถือเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเด่นเพียงคนเดียว แต่ตายแล้วก็แทบไม่มีคนเก็บศพ ยังเป็นฟางกั๋วกงเสียอีกที่สั่งให้คนมาจัดงานศพให้เขา

ขณะที่อ๋องอานไปถึง ในจวนไม่ได้ไว้ทุกข์ ศพของตี๋จงเหลียงยังอยู่ที่ทางกรมการพระนคร ทางนั้นบอกว่าไปรับศพได้แล้ว แต่คนตระกูลตี๋กลับบอกว่าไม่ยุ่งเรื่องตี๋จงเหลียง เขาไม่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารองค์รัชทายาทและพระชายา ขีดเส้นแบ่งแยกชัดเจนอย่างคุณธรรมและวาจาเฉียบ

พออ๋องอานถึงตระกูลตี๋แล้วก็บันดาลโทสะ ถึงคนตระกูลตี๋จะโกรธแค้นเขา แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา พอถามถึงเรื่องตี๋จงเหลียง ทุกคนก็บ่ายเบี่ยงไม่รู้ อ๋องอานทำลายข้าวของ ไปยกหนึ่งแล้ว ตี๋จงซุนบุตรชายคนรองของตี๋เว่ยหมิงถึงออกมาบอกเล่าความจำเป็น

ที่แท้สองเดือนมานี้ หลังจากฟางกั๋วกงไม่โอบอุ้มแล้ว การดำรงชีวิตของตระกูลตี๋ก็ย่ำแย่ แต่เวลานี้กลับมีคนมาหาถึงที่ ให้งานชิ้นหนึ่ง ถึงงานนี้จะเสี่ยงไปหน่อย แต่ค่าตอบแทนงามมาก พอให้ครึ่งชีวิตหลังของคนตระกูลตี๋สองชั่วอายุคนอยู่อย่างสบายได้

แรกเริ่มพวกเขาไม่กล้า แต่พอได้ยินค่าตอบแทนมากมายแล้วก็หาวิธีเกลี้ยกล่อมสนับสนุนให้ตี๋จงเหลียงไปทำงานชิ้นนี้ เพราะตระกูลตี๋มีลูกหลานมากมาย และวรยุทธ์ตี๋จงเหลียงก็ดีที่สุด แต่นิสัยทึ่มที่สุด ยอมเสียเปรียบ บวกกับหลายปีนี้เขาหลงใหลในวรยุทธ์ ทั้งไม่มีครอบครัวถ่วงหลังจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด

ตี๋จงเหลียงถูกบรรดาพี่น้องเกลี้ยกล่อมทั้งร้องไห้ทั้งทำตัวน่าสงสาร สุดท้ายจึงตกปากรับคำ แต่ไหนเลยจะรู้ ว่าเขาไปตายเพื่อคนในตระกูล แม้แต่ศพของเขากลับไม่มีใครไปรับ

ที่ผ่านมาอ๋องอานก็ไม่รู้จักว่าอะไรคือพี่น้องสมานฉันท์ ในสายตาของเขาไมตรีระหว่างพี่น้องไม่มีค่าสักนิด วางแผน ช่วงชิง โหดเหี้ยม เขาก็ทำมาหมด ทว่าแบบตระกูลตี๋อย่างนี้กลับทำให้เขาดูแคลนนัก

โดยเฉพาะพอได้ยินตี๋จงซุนบอกว่าหากไปถึงกรมการพระนคร กรมการพระนครก็จะคิดว่าเขาคนเป็นตัวการใหญ่ เมื่อนั้นอ๋องอานก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

หากหยู่เหวินเห้าเชื่อถือจริงใจกับเขา ยอมสละชีวิตเพื่อเขาเหมือนตี๋จงเหลียง อย่าว่าแต่ไปเก็บศพที่กรมการพระนครเลย ต่อให้บุกน้ำลุยไฟอันตรายแค่ไหนเขาก็จะไป

เขาเคยทำผิดต่อเจ้าสาม ทำให้เจ้าสามบ้านแตกสาแหรกขาด เพื่อไถ่โทษ เขายอมไปเจียงเป่ยกับเขาด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ไมตรีอะไรนั่น แต่แค่เพราะวันนั้นเดิมทีเจ้าสามฆ่าเขาได้ ทว่าสุดท้ายกลับเลือกไว้ชีวิตเขา ถึงเขาจะเลว จะชั่วร้ายอย่างไร เขาก็รู้ว่าเป็นคนต้องรู้จักคำนึงถึงไมตรีและบุคคล

แน่นอนว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ถามขึ้นอย่างเย็นชา “คนที่ให้เจ้าไปลอบสังหารองค์รัชทายาทเป็นใคร?”

แต่ตี๋จงซุนกลับพูดฐานะของอีกฝ่ายไม่ได้ บอกแค่ว่าอีกฝ่ายให้เงินมัดจำมา ตอนนี้เมื่อตี๋จงเหลียงเสียไปแล้ว คนผู้นั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวอีก อีกนัยหนึ่ง นอกจากค่ามัดจำนั้นแล้วก็ไม่เคยให้อีกเลย

ทว่าอ๋องอานกลับไม่เชื่อ แม้ตอนนี้คนตระกูลตี๋จะดูเละเทะ แต่เมื่อก่อนก็เป็นคนทำงาน แม้แต่ฐานะอีกฝ่ายก็ไม่รู้ แล้วยังรับงานไปเรื่อยอย่างนี้ได้อย่างไร?

เขาโมโหหนักขึ้นไปอีก กระทั่งโบยตี๋จงซุนไปยกหนึ่ง แต่กลับไม่ปริปากสักคำ เมื่ออ๋องอานเห็นอย่างนี้แล้วก็มีความคิดในใจ พวกเขาต้องรู้ว่าเป็นคนของหงเล่หรือของตระกูลฉินแห่งเป่ยโม่แน่ หากพูดออกมาพวกเขาก็จะมีภัยถึงชีวิต ดังนั้นต่อให้ตายก็ไม่ยอมปริปาก

โบยไปก็เท่านั้น นอกเสียจากจะฆ่าพวกเขาจริงๆ

พอออกจากตระกูลตี๋ อ๋องอานก็รู้สึกตกต่ำอ้างว้าง ไม่รู้จะไปที่ไหน เขาไม่เคยสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน