บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 126

หลังจากที่หยู่เหวินเห้าถามถึงรายละเอียดของคดี เขาก็รอให้พลตระเวนและเจ้าหน้าที่ศาลกลับมารายงาน ผลชันสูตรพลิกศพยังไม่ออกมา ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ฟ้าก็มืดแล้ว

เมื่อเขาออกจากกรมการปกครอง เวลาก็พ้นยามซวีไปแล้ว (เวลาระหว่าง 19.00-21.00น.)

เขารีบตรงดิ่งไปที่จวนอ๋องหวยโดยไม่หยุดพัก หลังจากเข้าไปแล้ว กลับได้เห็นหยวนชิงหลิงคุยกับเจ้าหญิงโล่ผิงอยู่ อีกทั้งสองคนดูเหมือนจะคุยกันได้อย่างถูกคอมากเสียด้วย

เขาอดประหลาดใจไม่ได้ หลังจากเรื่องที่จวนเจ้าหญิงเป็นต้นมา เสด็จพี่สามก็เกลียดชังชื่อ หยวน ชิงหลิง สามคำนี้ชนิดซึมลึกเข้าถึงกระดูก

เขาเดินเข้าไปด้วยอารมณ์งงงัน เจ้าหญิงโล่ผิงยิ้มแย้มเมื่อได้เห็นเขา "เมื่อครู่นี้กำลังพูดถึงเจ้าอยู่ เจ้าก็มาพอดีเลย เอ๊ะ เจ้าห้า ทำไมสีหน้าเจ้าจึงได้ดูย่ำแย่เช่นนี้ล่ะ"

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง นางถือถ้วยน้ำชาดื่มน้ำด้วยลักษณะท่าทางที่แปลกประหลาด ทั้งยังแอบขยิบตาให้เขาอย่างลับๆ อีกด้วย

เขาอดหัวเราะไม่ได้ พูดขึ้นว่า "เสด็จพี่สาม นั่นเป็นเพราะที่กรมปกครองมีงานยุ่งยากมากมายหลายอย่างให้ต้องจัดการ ข้าจึงเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

"เหนื่อยขนาดนั้นเชียวรึ เช่นนั้นเจ้ารีบรับชิงหลิงกลับไปก่อนเถอะนะ" เจ้าหญิงโล่ผิงเอ่ย

"ข้าขอไปดูอาการน้องหกก่อน"

เจ้าหญิงโล่ผิงโบกพระหัตถ์ "อย่าเพิ่งไปเลย เขาเพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่"

นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันไปมองหยวนชิงหลิงแล้วเอ่ยว่า "เดิมทีข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเสด็จพ่อถึงทรงมีรับสั่งให้ชิงหลิงมารักษาโรคให้เจ้าหก แต่วันนี้ อาการของเขาดีขึ้นมาก ทั้งไอน้อยลง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอาการไอเป็นเลือดเลยด้วย ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขาจะดีขึ้นบ้างแล้วจริงๆ"

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง ที่แท้เป็นเพราะสถานการณ์ของเจ้าหกดีขึ้นมากแล้วนี่เอง ไม่น่าแปลกที่เสด็จพี่สาม จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนางไปด้วย

"เช่นนั้นขอเสด็จพี่สามโปรดประทับตามสบาย พวกเราขอลากลับก่อน" หยู่เหวินเห้ากล่าวลา

"ไปเถอะ พรุ่งนี้ก็มาแต่เช้าหน่อยล่ะ" เจ้าหญิงโล่ผิงกำชับ

ทั้งสองหันหลังเดินออกไป ส่วนแม่นมสี่ไม่ได้ตามกลับไปด้วย แต่ขอรั้งอยู่ในจวนอ๋องหวยเพื่อช่วยดูเวลากินยาของอ๋องหวยด้วยตัวเอง เพราะอย่างไรก็จะให้ขาดไปไม่ได้แม้แต่มื้อเดียว

นางเชื่อว่าอ๋องหวยจะกินยาแน่นอน แต่นางแค่กลัวว่าจะมีคนอื่นมาหยุดเขา แม่นมสี่แข็งกร้าวไม่ใช่น้อย กระทั่งหลู่เฟยก็ยังต้องไว้หน้านางอยู่หลายส่วน หากว่านางเป็นคนดูแลเรื่องการกินยาของอ๋องหวยเอง คงไม่มีใครกล้ามาหยุดนางได้แน่

รถม้าหยุดอยู่ข้างนอก หยู่เหวินเห้าเข้าไปในรถม้าก่อน แล้วจึงเอื้อมมือออกมาให้หยวนชิงหลิง นางลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ วางมือของเธอลงบนฝ่ามือของเขา ก้าวขึ้นรถไปช้าๆ

เมื่อนั่งลงแล้ว เขาไม่ได้ปล่อยมือนางจนตลอดทาง แค่จับเอาไว้อย่างนั้น

ฝ่ามือของเขาชื้นเหงื่อเล็กน้อย ในความอบอุ่นก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ในทันที

มือของเขาแข็งแกร่ง ส่วนมือของนางนุ่มนิ่ม สองมือพันเกี่ยวกันแน่นอยู่เช่นนั้น นั่งอยู่ในท่วงท่าอันล่อแหลม ไม่มีใครเป็นฝ่ายขยับก่อน ทั้งไม่มีใครเป็นฝ่ายพูดอะไรก่อนเช่นกัน

ราวกับเสียงหัวใจเต้น มันดังเสียยิ่งกว่าเสียงรถม้าที่วิ่งเป็นจังหวะนี้เสียอีก

หยู่เหวินเห้ารู้สึกเหมือนว่า ตัวเองถูกทรมานอยู่ในกรมปกครองเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ จิตใจของเขายังคงหวนนึกถึงจูบนั้นไม่หยุด

ในเวลานั้นเขามีแรงกระตุ้นนับไม่ถ้วน คิดแต่อยากจะกลับไปหานางที่จวนอ๋องหวยทันที

เขาไม่เคยมีความคิดที่บ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อน

แม้แต่ฉู่หมิงชุ่ยที่รักใคร่ผูกพัน เป็นเพื่อนที่เติบโตด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย เขาก็ยังไม่เคยมีความคิดถึงคำนึงหานางมากมายขนาดนี้มาก่อน

แม้ในยามที่เขาไปเข้าร่วมรบในแนวหน้า เขาได้พกกระเป๋าผ้าที่ฉู่หมิงชุ่ยให้มาติดตัวไปด้วย แต่เขากลับไม่เคยหยิบมันออกมาดูเลยสักแวบ เป็นเวลาตลอดสามเดือนเต็ม ๆ

วันนี้ เขากลับมองดูฝ่ามือตัวเองไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งเห็นจะได้

ฝ่ามือนั้น เคยใช้โลมไล้สัมผัสผ่านหน้าอกของนาง การสั่นสะเทือนที่คล้ายแรงระเบิดในช่วงเวลานั้น เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนได้ในชีวิตของเขาจริงๆ

และในเวลานี้ มือข้างนี้ก็กำลังจับมือนางเอาไว้แน่น

ฉับพลัน ในหัวใจก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเกิดความรู้สึกอิ่มเอมเต็มตื้นขึ้นมา

หยวนชิงหลิงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ความคิดของนางต่างจากหยู่เหวินเห้า นางกำลังแอบคาดเดาว่า หยู่เหวินเห้าต้องการสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่?

ทำไมจู่ๆ ก็เข้ามาจูบนาง ทั้งยังกอดนางด้วยล่ะ

ในที่สุดเขาก็ยอมรับชะตากรรม ยอมรับความจริงที่ว่านางเป็นภรรยาของเขาน่ะรึ

หรือเป็นเพราะอารมณ์พลุ่งพล่านชั่วครู่ของผู้ชาย แล้วนางก็บังเอิญเป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นพอดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน