บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1271

ฟางหวูพูดว่า"ถ้าเธอส่งฉันไปได้ เชื่อว่าเธอก็ต้องส่งคุณไปได้เหมือนกัน"

ระหว่างที่พูดเธอมีท่าทีลังเลนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นเขาจ้องมองเธอด้วยท่าทางตกตะลึง เธอก็พูดอย่างเด็ดขาดว่า“ถ้าไปพบหยางหรูไห่ แล้วขอให้เธอช่วยส่งฉันไปที่นั่น เพื่อสอบถามเกี่ยวกับงานวิจัยอย่างเดียว เธอคงจะไม่ตอบตกลงแน่ เพราะจริง ๆ แล้วพวกเธอไม่เห็นด้วยที่จะดำเนินการวิจัยยาชนิดนี้ต่อไป แต่ถ้าบอกเธอว่า ดร. หยวนกำลังท้องกำลังไส้อยู่ที่นั่น สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก คุณในฐานะที่เป็นพี่ชายเลยอยากขอร้องให้เธอช่วยหน่อย คือช่วยส่งคุณไปอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นั่น ไม่แน่ว่าบางทีเธออาจจะตอบตกลงก็ได้”

พี่ชายหยวนชิงหลิงตื่นเต้นมากจนใจคอพลุ่งพล่านไปหมด แน่นอนว่าเขาอยากไป แม้แต่ในฝันเขาก็อยากไปที่นั่นจนใจจะขาด นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่บอกลากัน ใจเขาก็คิดถึงพวกเขามาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็คิดถึงคุณย่าด้วยเหมือนกัน เขาอยากเห็นหมาป่าหิมะที่แฝดสามเอาแต่พูดถึงไม่หยุด ทั้งยังมีเจ้าเสือน้อยอีก ที่นี่ถ้าเขาอยากดูเสือ ก็มีแต่ต้องไปสวนสัตว์เท่านั้น....

“ฉันอยากไป!” พี่ชายหยวนชิงหลิงมองเธอเขม็ง พยักหน้าอย่างจริงจัง

“โอเค แต่ทางที่ดีคุณไม่ควรบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของคุณนะ หาข้ออ้างซักข้อ จะบอกว่าเดินทางไปทำธุรกิจก็ได้”

“ทำไมถึงบอกพวกท่านไม่ได้ล่ะ? ถ้าสามารถพาพวกท่านไปด้วยได้ มันจะดีซักแค่ไหน” พี่ชายของหยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้น ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้

ฟางหวูพูดอย่างจนใจ"ถ้าพวกท่านไปล่ะก็ ยังจะยอมกลับมากันเหรอ?"

พี่ชายหยวนชิงหลิงพูดว่า “ขอแค่พวกท่านมีความสุข จะกลับหรือไม่กลับมามันก็ไม่สำคัญนี่ ดีซะอีก ครอบครัวจะได้รวมตัวกันที่นั่นพร้อมหน้า”

ฟางหวูพูดว่า"ฉันกลัวแค่ว่า พอถึงเวลานั้นจริง ๆ จะไม่ใช่ครอบครัวรวมตัวกันพร้อมหน้าน่ะสิ แถมถ้าพวกท่านไปแล้ว บังเอิญมีบางอย่างเกิดขึ้นกับดร.หยวน แต่พวกเราต่างก็อยู่ที่นั่นกันหมด ต่อให้อยากช่วย เราก็จะช่วยไม่ได้น่ะสิ"

เขารู้ว่าตอนนี้สมองของน้องสาวมีบางอย่างที่ผิดปกติ เพราะฟางหวูจะมีการติดต่อสื่อสารกับเขาอยู่ตลอด ดังนั้น เขาจึงพยักหน้า "ตกลง เราจะหาวิธีตามหาหยางหรูไห่กันก่อน หลังจากที่เราพบเธอแล้ว พวกเราค่อยไปขอร้องเธอด้วยกัน ส่วนทางคุณพ่อคุณแม่ ฉันจะบอกพวกท่านว่าจะไปร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการที่ต่างประเทศ พวกท่านไม่สงสัยแน่ เพราะว่าเมื่อก่อนฉันก็ไปบ่อย ๆ"

“งั้นเราต้องบอกดร.หยวนกันก่อนไหม?” ฟางหวูถาม

พี่ชายหยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อย่าบอกเธอก่อนจะดีกว่า เพราะพวกเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะไปได้หรือเปล่า ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเราเกิดไปไม่ได้ งั้นจะกลายเป็นทำให้ดีใจเก้อกันซะเปล่า ๆ"

“ ก็ได้ ถ้าไปได้เมื่อไหร่พวกเราค่อยบอกเธอแล้วกัน” ฟางหวูพยักหน้าตอบรับ

หลังจากที่ทั้งสองแยกกัน ฟางหวูก็รีบให้คนไปตามหาหยางหรูไห่ทันที

การจะตามหาหยางหรูไห่ให้เจอไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ได้ปักหลักอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่ง หรือโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง หรือกระทั่งอยู่ในห้วงเวลานี้หรือเปล่าก็ไม่แน่ชัด

เธอเป็นเช่นเดียวกับไทเฮาหลงแห่งต้าโจว คือมีความสามารถในการเดินทางข้ามผ่านห้วงเวลา เธอเป็นคนประเภทที่จะไม่แค่กวาดหิมะที่เลอะเทอะหน้าประตูบ้านตัวเองเท่านั้น แต่เป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ จึงมักชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นปกติวิสัย ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจจะกำลังยุ่งเรื่องของใครอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือจัดการเรื่องไม่เป็นธรรมอยู่ในห้วงเวลาใดห้วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้

ตัดมาอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หยู่เหวินเห้าเปิดศึกกับแม่ทัพใหญ่ฉินที่เมืองซิ่วโจว ก็ได้มารวมตัวกับอ๋องชินเฟิงและไท่ซ่างหวงอย่างรวดเร็ว

พวกเขาอยู่บนภูเขากิเลน แห่งเมืองซิ่วโจว ภูเขากิเลนเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเมืองซิ่วโจว ตั้งอยู่บนยอดเขาหลักของเทือกเขาที่ทอดตัวยาวต่อเนื่องกัน สามารถมองลงมาเห็นทิวเขาได้ และเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในเมืองซิ่วโจวอีกด้วย

ในส่วนของตีนเทือกเขา ล้วนเป็นค่ายที่ตั้งโดยกองทัพเป่ยถัง ถ้าคิดจะออกจากเมืองซิ่วโจว อย่างไรก็ต้องอ้อมภูเขากิเลนลูกนี้ไป ดังนั้น พวกเขาจึงปักหลักยึดที่นี่ แล้วทำแค่เฝ้าตารอกระต่าย *(หมายถึงการไม่ออกแรงทำอะไร แค่รอให้สิ่งที่รอมาหาเองถึงที่)

แม้ว่าความตั้งใจเดิมของพวกเขาคือการบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่การบุกเร็วไม่ใช่ว่าจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ยังต้องมีการดูเวลาที่เหมาะสม ประการแรก พวกเขาต้องเล่นกับความอดทนของชาวเป่ยโม่ จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดทอนเสบียงอาหาร หากพูดถึงเรื่องของความอดทน คนแก่ย่อมดีกว่าคนหนุ่มสาวเสมอ

ไปทางทิศใต้ของภูเขากิเลน ตรงไปอีกประมาณสามสิบลี้ จะเป็นเมืองจื้อโจวซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองซิ่วโจว เสบียงอาหารของกองทัพเป่ยถังต่างถูกส่งผ่านมาทางเมืองจื้อโจว ไม่จำเป็นต้องส่งเข้ามาทางประตูเมืองซิ่วโจว

หลังจากรวมทัพกันแล้ว หยู่เหวินเห้าไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงได้ก็บ่นกับอ๋องชินเฟิงอันก่อนทันที "เสด็จปู่ใหญ่ ท่านไปสัญญายกลูกสาวข้าให้เป็นลูกศิษย์ของฉีฮั่วอย่างนั้นรึ?"

ไท่ซ่างหวงกล่าวว่า "ภายในสิบวันนี้ พวกเขาจะไม่จากไปแน่ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม ถ้าสามารถทำลายกองทัพสามแสนคนของเราในเมืองซิ่วโจวได้ เช่นนั้นก็เท่ากับรุกเข้าดินแดนที่ไร้คนคุ้มกันแน่แล้ว เท่ากับริบเมืองหลวงได้เลยโดยตรง เขามีใจที่เปี่ยมความทะเยอทะยาน เมื่อคิดจะกลืนเนื้อชิ้นใหญ่ ก็ต้องยอมเสี่ยง”

“เช่นนั้นแล้ว พวกเราจะเปิดการโจมตีภายในสิบวันนี้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

อ๋องชินเฟิงอันและไท่ซ่างหวงหันมองหน้ากัน แล้วพากันส่ายหน้า อ๋องชินเฟิงอันกล่าวว่า "ไม่ต้องรีบร้อน รอให้พวกนั้นโจมตีเข้ามาก่อน"

หยู่เหวินเห้าพูดว่า"พวกเขาจะต้องพยายามโจมตีเข้ามาแน่ แต่ภูเขากิเลนนั้นง่ายต่อการป้องกัน ทั้งยังยากจะโจมตี พวกนั้นหยิบชิ้นปลามันไม่ได้ อย่างไรก็ต้องยอมแพ้ในที่สุด"

ไท่ซ่างหวงยิ้มและกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก เวลาสิบวัน ก็คงเพียงพอให้เราวางแผนซุ่มโจมตีนอกเมืองได้แล้วล่ะ พวกเขาออกจากเมืองซิ่วโจวไม่ได้ ศึกนี้ จะอยู่หรือตาย ล้วนตัดสินกันที่เมืองซิ่วโจวเท่านั้นแล้ว"

เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที “ซุ่มโจมตี?”

อ๋องชินเฟิงอันพยักหน้า "ถูกต้อง หลังจากส่งอาวุธชุดที่สองแล้ว ให้เจ้ากับพวกพี่น้องนำทหารหนึ่งแสนคนลงจากภูเขาด้วยการประโคมโหมแห่ให้ยิ่งใหญ่ ทำท่าทางให้เหมือนจะไปต่อสู้ตัดสินอย่างเด็ดขาดกับกองทัพใหญ่ทางนั้น แต่กำลังทหารหนึ่งแสนกับหนึ่งล้านมาปะทะกัน อย่างไรก็สู้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น หลังจากการยั่วยุพวกเขาแล้ว ให้รีบถอยกลับไปที่ภูเขาทันที กลับไปถึงภูเขาแล้วให้รีบทำการป้องกันต่อ ปล่อยให้พวกนั้นบุกเข้าโจมตีภูเขา หันเหความสนใจ ในเวลาเดียวกัน น้องสิบแปดจะนำกำลังคนไปซุ่มโจมตีนอกเมืองด้วยการวางทุ่นระเบิดจากนั้นให้ฉู่เสี่ยวอู่กับแม่ทัพใหญ่ฮู่นำกำลังคนหมื่นคนไปรออยู่ข้างนอก พวกนั้นข้ามเขตทุ่นระเบิด ทั้งยังมีคนของเราก็ดักรออยู่ข้างหน้า ส่วนคนที่เหลือจะตามตลบหลังไป ทำการโจมตีทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง นี่คือกลยุทธ์ของพวกเรา "

เขาหันไปมองไท่ซ่างหวงแล้วพูดอีกว่า"เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็ตามพวกเจ้าห้าลงจากภูเขาไปด้วย เมื่อได้เห็นเจ้า พวกนั้นจะเชื่อว่าพวกเราตั้งใจจะทำศึกตัดสินชี้ขาดครั้งใหญ่ในคราวนี้จริง ๆ"

หลังจากหยู่เหวินเห้าได้ฟังแล้ว เขาก็รู้สึกว่าแผนการนี้วางกลยุทธ์มาได้ครอบคลุมรอบด้านจริง ๆ ไม่เสียแรงที่เป็นยอดแม่ทัพเก่า ใช้วิธีการที่ง่ายที่สุด เพื่อทำศึกที่ปลอดภัยต่อกองทัพที่สุด

ดูไปแล้วเหมือนว่า การจบสิ้นสงครามภายในสองเดือน จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป มันสามารถเป็นไปได้จริง ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน