บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1278

สรุปบท บทที่ 1278 ศึกใหญ่ที่เมืองซิ่วโจว: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1278 ศึกใหญ่ที่เมืองซิ่วโจว จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1278 ศึกใหญ่ที่เมืองซิ่วโจว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน แล้วถามอย่างสับสนว่า "ทำไมเสด็จพ่อถึงต้องเตรียมการเรื่องราวเสียมากมายเช่นนี้? จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ต้องรีบร้อนเตรียมการตอนนี้ก็ได้ ยังทำสงครามอยู่แท้ ๆ ผลลัพธ์ก็ยังไม่รู้เลยด้วย พระองค์ไม่ควรต้องกังวลว่า แผ่นดินที่เจ้าห้าจะปกครองต่อจากนี้จะมีเสถียรภาพอย่างไรในอนาคต แต่พระองค์ควรกังวลเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้ก่อนไม่ใช่รึ”

ทันทีที่หยวนชิงหลิงถามคำถามนี้ หรงเยว่กับฮูหยินเหยาค่อยตระหนักขึ้นมาได้ว่า มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เดิมทีเรื่องนี้ฟังดูก็สมเหตุสมผลดีอยู่ แต่ก็มักจะรู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกก็ยังไม่ทันฉุกคิด แต่ตอนนี้พอหยวนชิงหลิงพูดขึ้นมา ทั้งฮูหยินเหยาและหรงเยว่ต่างก็ตกตะลึงจนผงะ "จริงด้วย ทำไมกันนะ?"

หรงเยว่ลดเสียงลง "เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่าบาทจะตามรอยไท่ซ่างหวง ทำการสละราชสมบัติ นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ พระองค์เป็นฮ่องเต้อยู่ดี ๆ แท้ ๆ ไม่น่าจะคิดเรื่องสละราชสมบัติหรอก"

ฮูหยินเหยารับคำทันที “ต่อให้พระองค์ต้องการสละราชสมบัติจริง พระองค์ก็ควรรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะถ้าพระองค์ยังอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ก็ยังสามารถช่วยสอนสั่งรัชทายาทให้มีประสบการณ์ได้ ให้ค่อย ๆ ควบคุมราชสำนัก พระองค์ไม่น่าจะไม่รู้ในจุดนี้”

นั่นกลับยิ่งทำให้สับสนกว่าเดิมแล้ว

หรงเยว่ถามหยวนชิงหลิงว่า "พระวรกายของเสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง?"

“นี่คงต้องไปถามหมอหลวงแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ได้ประชวรหนักอะไร ก่อนหน้านี้ แค่แกล้งประชวรเพื่อจะได้ให้เจ้าห้ายอมวางมือแล้วออกไปทำงาน ไม่ได้ทรงประชวรหนักจริง ๆ หรอก......ดูเหมือนว่าจะเคยประชวรหนักจริง แต่แค่ไม่กี่วันก็หายดี แล้วจากนั้นคือตามน้ำไปมากกว่า" นางสีหน้าขาวซีด หันไปมองพี่และน้องสะใภ้ทั้งสองคนอย่างไม่แน่ใจ "ไม่ใช่ว่าทรงประชวรจริง ๆ เข้าแล้วหรอกนะ? "

“อย่าพูดจาเหลวไหลสิ” ฮูหยินเหยารู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งสามคนจึงนั่งคุยกันเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องพลานามัยของฮ่องเต้ สุดท้ายก็สรุปได้ว่าไม่มีความบกพร่องไม่เหมาะสม “ฝ่าบาทอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ทั้งหวงกุ้ยเฟยและฮู่เฟยต่างก็ตั้งครรภ์พร้อม ๆ กัน จึงเห็นได้ว่าสมบูรณ์ดี”

“ก็ถูก!” หรงเยว่พยักหน้า

“เอาเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า ตอนนี้พุ่งความสนใจไปที่สงครามก่อน หวังว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ ได้กลับมาเร็ว ๆ จากนั้นพวกเจ้าใครที่จะคลอดลูกก็ไปคลอดลูก ใครจะรักกันหวานชื่น ก็รักกันหวานชื่นต่อไป” ฮูหยินเหยาพูด

หรงเยว่กับหยวนชิงหลิงหัวเราะ แล้วพูดพร้อมกันว่า "ใครที่ควรแต่งงาน ก็ไปแต่งงาน!"

สีหน้าของฮูหยินเหยามืดทะมึนจมดิ่ง “นี่ข้าโกรธแล้วนะ”

หรงเยว่หัวเราะแล้วพูดว่า "โกรธอะไรของเจ้า? ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดไปหมดแล้วหรอกรึ? ว่าในใจเจ้าเองก็มีความคาดหวังอยู่เช่นกัน"

หยวนชิงหลิงพูดจี้ใจดำนาง คิ้วตาแย้มยิ้ม "นางแค่คิดว่า ถ้าสุดท้ายจะต้องแต่งให้ฮุ่ยเทียนจริง ๆ เช่นนั้นฮุ่ยเทียนก็ควรเป็นฝ่ายมาเอ่ยปากขอนางแต่งด้วยตัวเอง ไม่ใช่แต่งเพราะฮ่องเต้เป็นผู้พระราชทานให้"

หรงเยว่ถึงกับหลุดหัวเราะพรวดออกมา

ฮูหยินเหยาถอนหายใจเฮือก “ตอนนี้สงครามยังตึงเครียด พวกเจ้ายังมีแก่ใจมาพูดเรื่องความรักชายหญิงได้อีก ไม่คิดเป็นกังวลเรื่องของสามีพวกเจ้าแล้วจริง ๆ น่ะรึ?”

“ ก็เพราะว่ากังวลมาก ถึงได้ต้องหาเรื่องหยอกเจ้าเล่นนี่อย่างไรล่ะ ทำไมรึ? เจ้ากังวลใจแล้วใช่หรือไม่?” หรงเยว่ถามด้วยรอยยิ้ม

ฮูหยินเหยายืนขึ้น "ช่างเถอะ ไม่คุยกับพวกเจ้าแล้วดีกว่า เหมือนจะไม่มีทางคุยกันถูกคอได้!"

หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปดึงนางไว้ แก้มเป็นประกาย “เอาล่ะ ๆ นั่งลงเถอะ คุยไม่ถูกคออะไรกัน ก่อนหน้านี้เจ้าพูดจาหยอกเย้าพวกเรายังได้เลย มาตอนนี้พวกเราหยอกเจ้าบ้างกลับไม่ได้เลยเชียวรึ? เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปหรอก พวกเขาจะต้องชนะในศึกนี้แน่”

“หวังว่าจะไม่ต้องทำสงครามอีกไปตลอดกาลเลย!” ฮูหยินเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกช้า ๆ ในอดีต นางไม่ได้รู้สึกว่าสงครามมันน่ากลัวอะไรมากมาย แม้แต่หยู่เหวินจุนก็ยัง เคยไปสนามรบ แต่ในตอนนั้น ทุกศึกล้วนเป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยมีศึกไหนที่ต้องทุ่มเทต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่ประเทศมี แบบสงครามครั้งนี้มาก่อน

หยวนชิงหลิงหวังยิ่งกว่าใคร ๆ ว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นในประเทศนี้อีกต่อไป ขอเพียงทุกอย่างมีเสถียรภาพ เจ้าห้าของนางก็จะได้หยุด และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เสียที ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วจริง ๆ

แต่ชาวเป่ยโม่ไม่ได้เฝ้าอยู่เมืองนอกต่อจริง ๆ ดังที่คาด แม่ทัพใหญ่ฉินคิดว่า ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ก็จะล่าถอย มันสิ้นเปลืองเวลาเกินไป ไม่ควรให้พวกนั้นครองตำแหน่งมุมสูงของเมืองซิ่วโจวต่อไปได้อีก หากคิดจะทำลายล้างพวกนั้นให้หมด ก็ต้องหาทางล่อพวกนั้นออกจากเมืองซิ่วโจวให้ได้

ดังนั้น เมื่อชาวเป่ยโม่พักปรับรูปแบบขบวนทัพชั่วคราวเสร็จ กองทัพก็เดินทางออกนอกเมืองไปทันที ทหารห้าหมื่นนายของลู่หยวน เข้าร่วมกับกองกำลังของอ๋องอานและอ๋องเว่ย แม้ต้องเผชิญหน้ากับทหารที่เหนื่อยล้าของเป่ยโม่ ก็ยังเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่าสถานการณ์เดิมของหยู่เหวินเห้ามาก เพราะพวกเขารวมกันแล้ว ก็ยังมีไม่เกินหกหมื่นคนด้วยซ้ำ

อ๋องเว่ยกับอ๋องอานกดความตั้งใจที่จะสู้จนตัวตายไว้แล้ว อันที่จริง ชาวเป่ยโม่รบในสนามนี้ ได้รับบาดเจ็บล้มตายไปกว่าแสนคน แต่ก็ยังมีทหารเหลืออยู่อีกเก้าแสน ต่อให้ตายไป ก็ยังไม่แน่ว่าจะป้องกันได้ไหว

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด หลังจากฟ้ามืด ทั้งอ๋องอานและอ๋องเว่ยต่างก็ได้รับบาดเจ็บ กองไฟถูกจุดขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ อาจไม่สามารถทำการต่อสู้ต่อไปได้ แต่ชาวเป่ยโม่ทุ่มสุดตัวเพื่อจะล่อพวกเขาออกจากเมืองซิ่วโจวให้ได้ ดังนั้น จึงเดินหน้าโจมตีต่อไป

อ๋องอานเห็นว่าชาวเป่ยโม่กัดฟันสู้ไม่ถอย ในใจของเขาก็เย็นเฉียบลงไปเกินครึ่ง ท่ามกลางความโกลาหลของการสู้รบ เขาและอ๋องเว่ยหันมองหน้ากัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่ในขณะเดียวกันก็บอกอีกฝ่ายด้วย ว่าให้เตรียมพร้อมต่อการสละชีวิต

ทุกคนทำดีที่สุดแล้วจริง ๆ ต่อให้พวกเขาจะล้มลง ขอแค่ยังพอมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ ก็ยังไม่ลืมที่จะยื่นดาบออกไปเพื่อฆ่าฟันศัตรู

ทหารที่อยู่บนภูเขา หลังจากได้พักผ่อนแล้ว ก็ลงจากเขาออกจากเมืองไปสนับสนุนทัพ ท่ามกลางความโกลาหลของการสู้รบ อ๋องเว่ยกับอ๋องอานก็พุ่งตรงไปหาแม่ทัพที่บัญชาการรบของศัตรู พวกเขาคิดว่าถ้ากุดหัวของแม่ทัพใหญ่ฉินได้ก่อน ย่อมทำให้เกิดความโกลาหลต่อเป่ยโม่ได้แน่

ท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชน ทั้งสองเป็นเหมือนดั่งแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ขี่ม้าพุ่งเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต ฆ่าคนไปหลายคนติดต่อกัน แม้ว่าจะล้มเหลวในการกุดหัวแม่ทัพใหญ่ฉิน แต่ก็ฆ่าแม่ทัพไปได้ถึงสองคน

แม่ทัพใหญ่ฉินโกรธจัด ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยไฟโทสะคุกรุ่น เขาเหวี่ยงดาบยาวฟันไปทางอ๋องเว่ย อ๋องอานยื่นมือออกไปผลักเขาโดยไม่รู้ตัว ดาบยาวของแม่ทัพใหญ่ฉินจึงเฉือนเข้าที่แขนของอ๋องอานจนเต็มใบดาบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน