บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1312

อ๋องเว่ยนั่งอยู่ในเรือนด้านข้าง ในสมองยังคงมีความเลอะเลือนอยู่บ้าง เขายืนกรานต้องการจะมา ไม่มาครั้งนี้ จิตใจไม่สงบสุข

เสื้อผ้าแฉลบเคลื่อนไหวอยู่หน้าประตู เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาเพ่งจ้องไปบนใบหน้าที่ใสสะอาดของนาง ลุกขึ้นยืนด้วยจิตใต้สำนึก

จวิ้นจู่จิ้งเหอเดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา สบตากับเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างแผ่วเบา “นั่งเถอะเพคะ!”

เขานั่งลงอย่างเงียบๆ มือสองข้างวางบนตัก เห็นได้ว่าระมัดระวังเล็กน้อย เผชิญหน้ากับจิ้งเหอ เขามักจะระมัดระวังเป็นอย่างมาก

จิ้งเหอก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขา มองดูเขา “ท่านมีอะไรจะพูดกับข้า?”

“เจ้า.......” เขาเปล่งเสียงแล้ว น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ทำไมเจ้าถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากเช่นนี้ด้วยเล่า? หากเจ้าหาคนแต่งงานได้แล้วจริงๆ ข้าก็จะไม่หยุดยั้งเจ้า และจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ”

จิ้งเหอส่ายศีรษะ “ข้ารู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดีมากเพคะ”

เขามองดูนาง เห็นถึงความสบายใจจากดวงตาของนาง ราวกับก่อนหน้านี้เช่นนั้น แต่นี่เป็นภาพลวงตา ต้องเป็นภาพลวงตาแน่นอน “ข้าไม่เชื่อ!”

“ท่านเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ข้าก็ได้ทำเช่นนี้แล้ว” นางชำเลืองมองเขา ในน้ำเสียงแฝงด้วยความเย็นสบาย “ข้าต้องการมีชีวิตใหม่แล้ว หวังว่าท่านก็จะทำได้ หากท่านต้องการจะสู่ขอพระชายา ก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจความรู้สึกของข้า เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต พวกเราควรปล่อยวางให้หมด มีชีวิตอยู่ ก็ต้องมีลักษณะท่าทีในการดำเนินชีวิต อย่าทรมานตัวเองเพราะเรื่องในอดีต ไม่เช่นนั้นชีวิตที่เหลืออยู่อีกยาวไกลนี้ จะทนทุกข์ทรมานจนสิ้นสุดได้อย่างไรล่ะเพคะ?”

ดวงตาของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย หางตาที่โค้งเล็กน้อยเต็มไปด้วยความดึงดัน “ข้ามีพระชายาแล้ว ชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับผู้อื่นอีก!”

นางชำเลืองมองเขา พูดว่า “เช่นนั้นท่านก็ไปทำในสิ่งที่ท่านควรทำ ท่านเป็นโอรสของฮ่องเต้ ชีวิตของท่านไม่ได้มีแค่ความรักของชายหญิง บนไหล่ของท่านยังแบกภาระหนักไว้อยู่ หากท่านยอมฟังข้าสักคำ เช่นนั้นก็วางสิ่งที่ควรวางลง ไปทำสิ่งที่ท่านควรทำ”

“นี่คือสิ่งที่เจ้าหวังหรือ?” น้ำเสียงของเขาสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

นางกล่าว “เป็นสิ่งที่ข้าหวัง ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ข้าไม่เคยละทิ้งความพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแค่มีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น ยังต้องมีชีวิตที่ดีอีกด้วย เช่นนี้ก็จะไม่ต้องเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้ครั้งหนึ่ง ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อข้าแล้ว แต่ท่านต้องตอบแทนบุญคุณราชสำนัก ถวายความจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อ อีกทั้งยังต้องสามัคคีกับพี่น้อง ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับรัชทายาท ไม่ทำให้ราษฎรที่มีบุญคุณในการเลี้ยงดูผิดหวัง คำพูดนี้ของข้า ไม่ใช่เพียงการพูดให้ดูดีแบบขอไปทีเพื่อตบตาท่าน นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดกับท่านอย่างจริงใจ มีความสามารถ รับผิดชอบงานให้มากๆเถอะเพคะ อย่างปล่อยให้เวลาการดำเนินชีวิตเสียเปล่า”

เขามองดูนาง เรื่องราวในอดีตพรั่งพรูขึ้นมายุ่งเหยิง “เมื่อก่อนเจ้าก็พูดคำเหล่านี้”

“ใช่เพคะ ข้าพูดมาตลอด!”

“แต่ข้าในเวลานั้น มักจะคิดว่าหากเจ้าชอบข้า ก็ควรจะพูดคำพลอดรักกับข้าให้มากหน่อย และไม่ใช่ใช้เหตุผลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้มาทำให้ข้าจากไป”

จิ้งเหอหัวเราะขึ้นมาด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “ไม่เพคะ!”

นางเกิดในตระกูลชุย ตระกูลชุยมีขุนนางในราชสำนักที่เป็นคนสนิทคนสำคัญของฮ่องเต้ ได้รับคำสอนจากครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก ก็คือเหล่านี้

“เจ้าพูดกับข้าด้วยจิตใจที่สงบเช่นนี้ ในใจข้าดีใจมาก” น้ำเสียงของเขายิ่งแหบพร่าขึ้นเล็กน้อย จ้องมองอย่างเหม่อลอย มักจะทำใจละสายตาไปจากไปไม่ได้อยู่เสมอ

จิ้งเหอพยักหน้า “สงบจิตใจหน่อยก็ดีเพคะ!”

ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เขาเอ่ยถามคำหนึ่ง “ท่านพี่สะใภ้รองพวกนางอยู่หรือ?”

“อยู่เพคะ ท่านต้องการจะพบพวกนางหรือเพคะ?” จิ้งเหอเอ่ยถาม

เขาส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่พบแล้ว ท่านพี่สะใภ้รองเกลียดข้า”

นางหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ใช่เพคะ”

เขามองดูนาง แล้วก็หัวเราะตามขึ้นมา เขี้ยวเสือที่ถูกซ่อนไว้ลึกมากๆนั่น ก็เผยออกมาเล็กน้อย

“หัวเราะให้มากๆหน่อยเถอะเพคะ!” นางกล่าวแล้วลุกขึ้นถอนสายบัวต่อเขา “ท่านอ๋องกลับไปก่อนเถอะเพคะ ข้ามีแขกอยู่ ไม่สะดวกที่จะพูดคุยกับท่านนานได้เพคะ!”

เขารีบลุกขึ้นและทำมือเคารพตอบกลับทันที “เช่นนั้น......เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน!”

“ท่านอ๋อง!” นางมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “การเป็นคน มีบางครั้งก็ต้องแยกแยะบุญคุณความแค้นให้ชัดเจน มีบางคนท่านต้องจดจำความดีของเขาไปนิรันดร์ แต่บางคนที่เคยทำร้ายท่าน แม้ว่าท่านจะปล่อยไปก็ต้องระวังหน่อย ให้อภัยและยกโทษ บางครั้งอาจจะทำให้ภาระในชีวิตของท่านหายไป แต่ก็จะทำให้ท่านตกอยู่ในกับดักที่ซ่อนไว้ทุกหนแห่งได้!”

เขาตะลึงงันเล็กน้อย เหมือนกับไม่รู้ว่านางชี้แนะอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน