บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1365

สรุปบท บทที่ 1365 ปลอดภัย: บัลลังก์หมอยาเซียน

สรุปตอน บทที่ 1365 ปลอดภัย – จากเรื่อง บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่

ตอน บทที่ 1365 ปลอดภัย ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง บัลลังก์หมอยาเซียน โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฮ่องเต้หมิงหยวนนำพาความรู้สึกเจ็บปวดใจ กับหัวใจที่แสนจะอ่อนล้ากลับมายังตำหนักฉางเหมินพร้อมกับหยู่เหวินเห้าอีกครั้ง เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้ใช้เวลาตรวจสอบมากนัก แผนการของฉินเฟยก็ไม่ได้ฉลาดแยบคายอะไรเลย แต่นางกลับประสบผลสำเร็จได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนทั้งเจ็บปวด ทั้งเกลียดชังตัวเองอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

เพราะเขารู้ดีว่า เพราะเขาเองที่เป็นสาเหตุหลัก ทำให้หลายคนมองข้ามฉินเฟยไปโดยไม่รู้ตัว

เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไปทีละน้อย ภายในตำหนักยังไม่มีใครออกมาพูดอะไรเลย ไม่มีแม้แต่เสียงความเคลื่อนไหวใด ๆ จากข้างใน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับถูกแช่แข็งจนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

แต่ทั้งฮ่องเต้หมิงหยวนและหยู่เหวินเห้าต่างก็รู้ดีว่า ข้างในนั้นกำลังแข่งขันกันอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย

กู้ซือยังคงสืบสวนต่อไป แม้ว่าฉินเฟยจะสารภาพแล้ว แต่เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องมากน้อยเท่าไหร่ คนที่ฉินเฟยซื้อตัวไว้มีใครบ้าง อย่างไรก็จะต้องสืบสวนออกมาให้ชัดเจน

ทั้งฮองเฮาและตี๋กุ้ยเฟยต่างก็ส่งคนมาถามถึงสถานการณ์ความคืบหน้า ประตูของตำหนักฉางเหมินที่เคยเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว คืนนี้กลับเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างไสว

หยวนชิงหลิงใช้ยาชาเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นหวงกุ้ยเฟยจึงมีสติที่แจ่มชัด แต่แค่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ นางกังวลมาก เอาแต่พยายามจะเงยหน้าขึ้นมาดูอยู่ตลอด แต่ถูกฮุ่เฟยกับหลู่เฟยกดไว้ ทั้งสองเฝ้าอาการนางในลักษณะนี้ตลอดเวลา

การผ่าตัดค่อนข้างราบรื่น เด็กน้อยถูกนำออกมา เป็นเด็กทารกเพศหญิงตัวเล็กกระจ้อยร่อย ไม่ร้องไห้ แต่ยังมีลมหายใจ ใบหน้าและร่างกายเป็นสีเขียวคล้ำเล็กน้อย ถ้าช้าอีกนิดเดียว ก็น่ากลัวว่าอาจจะขาดอากาศหายใจจนตายก็เป็นได้

“เสด็จแม่ เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ ยังหายใจดีอยู่!” หยวนชิงหลิงอุ้มเด็กน้อย นำไปให้หวงกุ้ยเฟยดู หวงกุ้ยเฟยมองเด็กน้อยราวตกอยู่ในภวังค์ น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก

ทั้งฮู่เฟย หลู่เฟย รวมถึงนางผดุงครรภ์ที่อยู่ด้วยในนั้น ต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคยังดีที่ยังมีชีวิตอยู่

หยวนชิงหลิงรีบให้นางสูดออกซิเจน แล้วขอให้ฮุ่เฟยรีบเช็ดล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงห่อด้วยเสื้อคลุม แล้วนำมาใส่ในผ้าสำหรับห่อตัวเด็กอย่างเรียบร้อย

เมื่อต้องเย็บปิดปากแผล หยวนชิงหลิงก็เริ่มเหนื่อยจนออกอาการว่ามีแรงไม่พอแล้ว ท้องของนางใหญ่มาก มักเป็นอุปสรรคขัดขวางการเคลื่อนไหวของนางอยู่เสมอ นางเหงื่อออกจนท่วมตัว ร่างกายเทอะทะจนรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจไปสนใจเรื่องนั้นได้ นางคิดแค่ว่าอยากจะเย็บปิดแผลให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เพื่อลดการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

หลู่เฟยถามหยวนชิงหลิงว่า "ต้องเปิดประตูออกไปทูลฝ่าบาทก่อนหรือไม่?"

“ อย่าเพิ่งเปิดประตู รอให้ข้าจะเย็บปิดปากแผลเสร็จค่อยว่ากัน!” มือของหยวนชิงหลิงยังคงเย็บปิดปากแผลต่อไปโดยไม่หยุด

“ได้!” หลู่เฟยตอบรับอย่างเงียบ ๆ มองดูหยวนชิงหลิงเย็บปิดแผลให้หวงกุ้ยเฟย นี่นับว่าเป็นฉากที่นองเลือดและโหดร้ายที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมาในชีวิตนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุดด้วย เพราะนางได้เห็นกับตาตัวเองว่า เด็กถูกนำออกมาจากท้องได้อย่างไร

นางรู้สึกว่าผู้หญิงช่างบอบบางนัก แต่ผู้หญิงก็ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน

ภายหลังการเย็บปิดแผล เด็กถูกอุ้มไปวางไว้ข้างกายหวงกุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟยเอียงหน้าไปทางด้านข้าง หันหน้าเข้าหาเด็กน้อย แม่หนูน้อยยังต้องสูดออกซิเจนอยู่ ใบหน้าน้อย ๆ นั้นถูกหน้ากากออกซิเจนปิดไว้จนมิด มองไม่เห็นหน้าตาเลย ทั้งไม่ลืมตาอีกด้วย ดูแล้วช่างให้ความรู้สึกชวนสงสารเห็นใจนางอย่างยิ่ง

ฮู่เฟยที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ท่านพี่หญิง องค์หญิงน้อยจะต้องปลอดภัย นางจะต้องปลอดภัยแน่”

หวงกุ้ยเฟยค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นมองนาง สายตาปรากฏแววซาบซึ้งในบุญคุณ

หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกหลายต่อหลายเฮือก ก็พูดกับหลู่เฟยว่า "สามารถเปิดประตูออกไปทูลฝ่าบาทได้แล้ว"

หลู่เฟยได้เห็นหวงกุ้ยเฟยแม่ลูกนอนอยู่ในสภาพที่น่าสงสารแบบนั้น อีกทั้งร่างกายของนางก็เพิ่งถูกเย็บปิดแผลไปหมาด ๆ จู่ ๆ นางก็เกิดความรู้สึกไม่อยากไปขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงพูดกับนางผดุงครรภ์ว่า “เจ้าไปทูลข่าวดีแก่ฝ่าบาทเถอะ !"

นางผดุงครรภ์เปิดประตูออกมาอย่างงุ่มง่ามเงอะงะ ทันทีที่คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกเห็นว่าประตูเปิด ได้เห็นนางผดุงครรภ์เดินออกมา แต่พวกเขาไม่ได้ยินเสียงร้องของทารก ในหัวใจก็พลันหนักอึ้งจมดิ่งทันที

นางผดุงครรภ์ค้อมกายคำนับ “ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ทรงมีองค์หญิงน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งองค์เพคะ หวงกุ้ยเฟยแม่ลูกล้วนปลอดภัยดี พระนางช่างน่าทึ่งมากเพคะ ถึงกับให้ผ่าท้องนำองค์หญิงน้อยออกมาได้สำเร็จ!”

หัวใจที่ขึ้นมาแขวนค้างอยู่ที่ลำคอของฮ่องเต้หมิงหยวน ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงจนกลับคืนไปอยู่ตำแหน่งเดิมได้ในที่สุด ทว่ากลับเกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจครั้งใหม่ขึ้นมาอีก ผ่าเปิดท้องเพื่อคลอดลูก นางต้องอดทนต่อความเจ็บปวดมากมายขนาดไหนกัน?

คนที่อยู่นอกพระตำหนัก ต่างทยอยแสดงความยินดีกับฮ่องเต้กันถ้วนหน้า หยู่เหวินเห้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน ก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อ ไม่เป็นไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ เข้าไปเยี่ยมเสด็จแม่ข้างในเถิด!"

ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหน้า ตรัสด้วยสุรเสียงแหบพร่าว่า "ข้าจะเข้าไป!"

หลังจากที่ไท่ซ่างหวงจากวังหลวงไป พระตำหนักฉินคุนก็ไม่มีใครอาศัยอยู่ แต่มีคนคอยไปทำความสะอาดเรื่อย ๆ จึงยังคงสะอาดและเป็นระเบียบมาก ทั้งสองไปพักกันที่ตำหนักข้าง บรรดาเครื่องนอนหมอนมุ้งล้วนซักสะอาดแล้ว หลังจากนางข้าหลวงมาปูที่นอนเสร็จ พวกเขาก็นอน ได้ทันที

หยู่เหวินเห้าไม่ได้บอกเรื่องของฉินเฟยให้นางรู้ แค่กอดนางไว้เพื่อให้นางหลับลงได้อย่างรวดเร็วขึ้นอีกสักหน่อย

หยวนชิงหลิงหลับไปได้ราว ๆ ครึ่งชั่วยามกว่า ๆ ก็ตื่นขึ้นมา แล้วสั่งให้คนไปสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของหวงกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉางเหมิน เมื่อได้รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกทั้งฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยังอยู่ที่นั่น นางจึงตัดสินใจไม่ไปที่นั่นก่อน

ฤทธิ์ยาสลบน่าจะยังไม่หมด แล้วก็ให้ยาระงับปวดแล้วด้วย มีหมอหลวงคอยดูแลอยู่ คงไม่เกิดปัญหาอะไรได้

“ นอนต่ออีกหน่อยเถอะ หน้าเจ้าดูซีดมากเลย” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างเป็นห่วง

หยวนชิงหลิงบ่นงึมงำว่า"ไม่นอนแล้ว เมื่อครู่นี้เผลอหลับไป ฝันร้ายไปว่าข้ามาไม่ทันเวลา เสด็จแม่ก็เลย....."

หยู่เหวินเห้ากอดนาง “มันเป็นแค่ฝันร้าย ความจริงไม่ได้เป็นอะไร ทั้งแม่ลูกล้วนปลอดภัยดี”

“แต่ก็อันตรายมาก หากช้ากว่านี้อีกนิด น่ากลัวว่าเด็กอาจจะขาดออกซิเจนจนรั้งไว้ไม่ได้แน่ ” หยวนชิงหลิงรู้สึกกลัวมากเมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้

หยู่เหวินเห้าจับมือนางไว้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นว่า "เป็นฝีมือฉินเฟยที่ทำเรื่องนี้"

หยวนชิงหลิงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย วังหลังในเวลานี้ เพียงคนเดียวที่ยังคงทุกข์ทนทุรนทุรายอยู่ ก็มีเพียงนางเท่านั้นแล้ว

แม้ว่าฮองเฮาก็นับว่ามีความคิดเช่นนั้นอยู่ แต่อย่างไรนางก็ยังต้องคิดห่วงกังวลไปถึงโส่วฝู่กับอ๋องฉี ส่วนตี๋กุ้ยเฟยก็ยังมีอ๋องอานที่ต้องห่วงใย หากนางมีเจตนาร้ายเช่นนั้น อ๋องอานก็จะต้องถูกลากเข้าไปตกระกำลำบากด้วยทันที นางไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้แน่

มีเพียงฉินเฟยคนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถระบายโทสะของตัวเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาใด ๆ ทั้งสิ้น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน