บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 139

วันนี้หยู่เหวินเห้าได้เดินทางไปส่งหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องหวยพร้อมกับกู้ซือ

และท่าทางอันสนิทสนมใกล้ชิดของพวกเขาทั้งสองถึงกับทำให้กู้ซือกลอกตาไปมาหลายครั้ง

“ดูแล้วค่ำนี้ข้าคงไม่จำเป็นจะต้องมารับส่งแล้วสิท่า?” กู้ซือกล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย

“ใช่แล้ว วันนี้ข้าจะมารับนางเอง เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ” หยู่เหวินเห้าตอบกลับ

ในที่สุดกู้ซือก็ได้ผ่อนคลายเสียที เพราะอย่างไรเสียใบหน้าของเขาวันนี้ก็ไม่อาจพบปะผู้ใดได้ กลับไปซ่อนตัวจะดีที่สุด

ทั้งสองลงจากรถพร้อมกันแล้วพากันเดินเข้าไปด้านใน หยู่เหวินเห้าจึงกำชับนางอีกครั้ง “วันนี้จะต้องพักผ่อนเสียหน่อย ในจวนอ๋องหวยมีห้องพักตั้งมากมาย เจ้าจงให้พวกเขาจัดเตรียมไว้สักห้อง อย่างน้อยๆ ต้องนอนสักหนึ่งชั่วยาม เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจแล้ว ก็ท่านพูดมาตลอดทางเลย” หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความเอือมระอา

“ดี เช่นนั้นข้าจะไม่พูดพร่ำแล้ว เจ้าจำไว้ก็พอแล้ว” หยู่เหวินเห้ายิ้ม ก็จริงอยู่ที่เขาพร่ำบ่นไปบ้าง

อ๋องหวยมองดูพวกเขาสองสามีภรรยามาด้วยกันอย่างประหลาดใจ นี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็นพวกเขามาที่นี่พร้อมกัน

อีกทั้งครั้งสุดท้ายที่เจอพวกเขายังมาทะเลาะกันที่นี่อีก จนทำให้วันต่อมาหยวนชิงหลินซึมไปตั้งหลายวัน แทบจะไม่พูดจาอะไรสักคำ

วันนี้หยู่เหวินเห้านั้นเชื่อฟังเป็นอย่างมากทั้งถามหยวนชิงหลิงเพื่อจะเอาผ้าปิดปากอีกด้วย หยวนชิงหลิงส่งให้กับเขาแล้วพูด: “อีกไม่กี่วันก็ไม่ต้องสวมแล้ว ประมาณครึ่งเดือนการติดเชื้อโรคจะลดลงจนแทบจะขาดหายไปเลยทีเดียว”

หยู่เหวินเห้าตื้นตันใจขึ้นมา “เช่นนั้นก็หมายความว่าอาการป่วยของน้องหกหายดีแล้ว?”

“ก็ยังคงต้องทำการรักษาต่อไป อย่างน้อยหกเดือนต้องห้ามหยุดยา” วันนี้หยวนชิงหลิงก็ยังงทำเหมือนทุกวันโดยการหยิบเอาเครื่องตรวจฟังของแพทย์ออกมาตรวจอาการของอ๋องหวย

“ต่อให้หลังจากหกเดือนข้างหน้าข้าจะตาย ก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว” อ๋องหวยดึงเสื้อเองอย่างว่าง่ายด้วยความเคยชิน เขาเองก็พอจะเข้าใจแล้วบ้าง

“พูดจาเหลวไหล” หยู่เหวินเห้าดุขึ้นมา

หลู่เฟยเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “ใช่ ต้องฉีกปากเขาทิ้งเสีย ที่กล้าดีมาพูดจาเหลวไหลเช่นนี้”

หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นในทันที “ถวายบังคมท่านแม่หลู่”

หลู่เฟยมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ ด้วยความยินดี “เจ้ามีภารกิจมากมายถึงเพียงนี้ยังเข้ามาเยี่ยมน้องหกอีก ช่างเอาใจใส่เสียจริงๆ”

“ข้าเพียงผ่านทางเท่านั้น” หยู่เหวินเห้าหันไปมองหยวนชิงหลิง ในดวงตาปรากฏรอยยิ้มจางๆ ออกมา

“เช่นนั้นท่านรีบไปทำธุระของท่านเถอะ วันนี้ไม่จำเป็นต้องมารับข้าเร็วมากนักหรอก” หยวนชิงหลิงกล่าวเร่งเขา

“ก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปด้วยความอยากจูบนางสักที แต่มีหลู่เฟยและอ๋องหวยอยู่ด้วย จึงไม่เหมาะสมที่จะลงมือนัก เขาจึงได้เพียงแอบสะกิดข้อมือนาง หยวนชิงหลิงเหล่ตาขึ้นมองเขา แล้วยิ้มหวานให้เขาก่อนจะมองเขาเดินจากไป

หลู่เฟยมองหยวนชิงหลิง “เจ้าห้าดีกับเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าก็นับว่าปรองดองกันแล้ว”

วันนี้ถึงแม้ว่าหยวนชิงหลิงจะรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่นางก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และพอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ: “ใช่แล้วเจ้าค่ะ เขาดีกับข้าไม่น้อยเลย”

อ๋องหวยถอนหายใจ “ถ้าหากสามารถหายดีขึ้นมาจริงๆ ข้าจะทำการอภิเษกพระชายาเป็นอันดับแรกเลยเชียว”

“เช่นนั้นก็ดี แม่ของเจ้าอยากจะอุ้มหลานจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว” หลู่เฟยยิ้มพลันหยิบผ้าปิดปากมาสวมไว้ แล้วนั่งลงข้างกายอ๋องหวย

“เมื่อคืนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?ยังไอหนักอยู่หรือไม่?”

“ข้าไม่มีอาการไอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องหวยกล่าวขึ้น

หลู่เฟยรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างแล้วหันไปถามหยวนชิงหลิง: “เช่นนี้แสดงว่าเขาหายดีแล้วใช่หรือไม่?”

หยวนชิงหลิงตอบกลับ: “ยังคงต้องทานยาต่อไปเจ้าค่ะ แต่นับว่าพ้นช่วงตัดสินชะตาชีวิตแล้ว”

“เช่นนั้นก็ดี ๆ !” หลู่เฟยรู้สึกวางใจแล้วจริงๆ

อ๋องหวยกล่าวขึ้น: “เสด็จแม่ ท่านเองก็ได้ยินพี่สะใภ้ห้ากล่าวว่าข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ท่านเองก็รีบกลับไปดูแลเสด็จพ่อเถอะ”

“เสด็จพ่อจะเหมือนกับลูกตรงไหน?ลูกสิถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” เดิมทีหลู่เฟยไม่มีความต้องการที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจากฝ่าบาทเลย ทุกความเอาใจใส่นางมอบให้ลูกชายคนนี้ไปหมดแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะหลังจากที่ลูกชายป่วย การแย่งชิงความโปรดปรานยิ่งไร้ความหมายกับนาง อีกทั้งต่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทแต่ต้องสูญเสียลูกชายไปนั่นไม่มีสิ่งใดน่ายินดีทั้งสิ้น

หยวนชิงหลิงยืนมองดูสองแม่ลูกพูดคุยกันอย่างเงียบๆ และเตรียมตัวที่จะฉีดยา หลังจากที่เตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยนางจึงพูดกับอ๋องหวย

: “ยื่นมือออกมาเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน