บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1415

ครึ่งวันต่อจากนั้นมาผู้เฒ่าทั้งสามก็ค่อนข้างจะว่านอนสอนง่าย นอนหลับตื่นหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาก็เล่นเกม มีคนเข้ามาติดตั้งประตู หลังจากติดตั้งเสร็จ หยวนชิงหลิงสอนพวกเขาว่าปลดล็อกยังไง สามารถใช้ลายนิ้วมือได้ สามารถป้อนรหัสผ่านได้

นี่ก็ไม่ได้ยากที่จะสอน แต่หลังจากสอนเสร็จ เซียวเหยากงก็จ้องมองที่รหัสที่ล็อกและถามทันที“ตรงนี้คืออะไร?”

หยวนชิงหลิงมองดูท่าทางสนอกสนใจของพวกเขา อีกสองคนที่เหลือก็เคลื่อนศีรษะเข้ามาเพ่งมอง นางก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปอีก

ขณะที่กินอาหารค่ำ ศาสตราจารย์หยวนสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเขาในเรื่องล้ำลึกแต่ไม่เป็นความจริงรอบหนึ่ง สนุกสนานเป็นอย่างมาก แต่พวกเขามักจะแอบชำเลืองมองหยวนชิงโจวอยู่เสมอ เห็นว่าท่าทางของเขาดูเหมือนไม่มีเรื่องอะไร พวกเขาทั้งสามถึงได้กินข้าวมื้อนี้ด้วยจิตใจที่สงบสักที

หลังจากที่กินอาหารค่ำแล้ว หยวนชิงหลิงตัดสินใจพาพวกเขาลงไปเดินเล่น ทำความคุ้นเคยกับแวดล้อมรอบๆ อย่างน้อย เวลาที่แอบออกไปก็ยังรู้จักทางกลับ

ออกจากหมู่บ้าน ไปถึงสนามจัตุรัสที่ละแวกใกล้ๆ มีคุณป้ากลุ่มหนึ่งกำลังเต้นรำออกกำลังกายที่สนาม เพียงแค่หยวนชิงหลิงเห็นว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาจะรู้สึกว่าแปลกใหม่ ก็จะอธิบายให้ฟังครั้งหนึ่ง เลี่ยงไม่ให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นเกินไปและจะทำการศึกษาต่อไปอีกขั้น

แต่พวกเขาก็เดินมองไปตลอดทาง ซึ่งมีการเพ่งมองโคมไฟสูงๆเหล่านั้นโดยเฉพาะ

หลังจากเดินได้ครึ่งชั่วโมง หยวนชิงหลิงก็เห็นว่ามีคนขายเกาลัดคั่วอยู่ด้านหน้า จึงเอ่ย“ข้าจะไปซื้อขนมให้พวกท่านหน่อย พวกท่านรอข้าที่เดิม ที่ไหนก็ห้ามไป......ช่างเถอะ พวกท่านตามข้าไปเถอะ”

ไท่ซ่างหวงยกมือ “ไม่ต้อง เจ้าไปเถอะ พวกเราดูคนอื่นเขาเต้นรำขอพรเทพเจ้า!”

หยวนชิงหลิงแก้ไขให้ถูกต้อง “เต้นออกกำลังกายที่สนาม!”

คิดแล้วคิดอีก นี่เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร จึงรีบไปซื้อเกาลัด

เมื่อนางไป โสวฝู่จึงถามเซียวเหยากงและไท่ซ่างหวง “ท่านว่าทำไมโคมไฟเหล่านั้นต้องแขวนไว้สูงขนาดนั้น? จุดด้วยน้ำมันก๊าดหรือว่าน้ำมันจากต้นถง? ฝาครอบโคมไฟใช้อะไรทำ? ข้าดูแล้วไม่เหมือนโคมไฟทางนั้นของพวกเรานี่”

เซียวเหยากงกล่าว“คำถามนี้พวกเราอยากรู้ ตอนที่พวกเราเพิ่งมาถึง ถนนเส้นนั้นที่ถูกรถม้า......ถูกรถไก่ชน ก็มีไฟเช่นนี้มากมาย พวกเราสงสัยเหมือนกัน จะจุดสว่างขนาดนี้ทำไม? ไม่เปลืองน้ำมันหรือ? หรือว่า แม้แต่น้ำมันก็ไม่ได้ใช้?”

ทั้งสามคนมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางไฟถนนที่อยู่สูงๆพร้อมกัน

หยวนชิงหลิงที่กำลังซื้อเกาลัด หันกลับมาเห็นพวกเขาจ้องไฟถนน ในใจเต้นตึกตักเสียงหนึ่ง รีบจ่ายเงินหยิบเกาลัดแล้ววิ่งกลับมาทันที

ขาดไม่ได้ เพื่อจะอธิบายไฟถนนให้เข้าใจง่ายๆรอบหนึ่ง เพื่อคลายความสงสัยให้พวกเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว กลัวเพียงแค่พรุ่งนี้ตื่นมา ไฟถนนของลานจัตุรัสนี้จะถูกพวกเขารื้อออกมาทั้งหมด

ขณะกินเกาลัด ไท่ซ่างหวงจึงถามขึ้นประโยคหนึ่งแบบไม่ได้ตั้งใจ “จริงสิ รถของพวกเจ้าที่นี่แพงหรือไม่?”

หยวนชิงหลิงเลิกคิ้วมองเขาแวบหนึ่ง “ทำไมถึงถามเช่นนี้เพคะ?”

“ถามดูน่ะ” บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกผิดแม้สักนิด

“แพง แพงมากเพคะ!” หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น อย่างน้อย ก็ต้องระวังการที่พวกเขาจะไปรื้อรถอีกคัน อีกทั้ง ในเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายหลักการของรถคันนี้ให้พวกเขาฟังอย่างไร เพราะพวกเขาก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นผู้รื้อรถ

ศักดิ์ศรีและหน้าตาของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาไว้

ช่างเถอะ รอพรุ่งนี้ขณะเรียกรถออกไป ค่อยใช้โอกาสนี้บอกพวกเขาละกัน

เดินเล่นกลับไปแล้ว จะต้องให้หยวนชิงโจวสอนพวกเขาใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ทั้งสามอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เคยได้อาบน้ำ ดีที่อากาศค่อนข้างหนาว ไม่อาบน้ำสองสามวันก็ไม่มีปัญหาอะไร

หยวนชิงหลิงกำชับพี่ชายว่าจะต้องสอนให้เข้าใจอย่างแน่นอน และจำเป็นต้องให้เข้าใจทั้งสามคน มิฉะนั้น พรุ่งนี้ก็จะต้องซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นอีก ถึงกระทั่ง คืนนี้อาจจะท่อน้ำแตกก็เป็นไปได้

หยวนชิงโจวรู้สึกว่าไม่ถึงขั้นนั้น เพราะว่า ขณะที่อยู่โรงพยาบาลก็เคยใช้น้ำประปา แม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็ล้างมือเช็ดหน้า

สองชั่วโมงผ่านไป หยวนชิงโจวกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“เรียบร้อยหมดแล้วหรือ? นอนรึยังคะ?”

“ยังไม่นอน ศึกษาโคมไฟแชงกาเรียอยู่น่ะ” หยวนชิงโจวทรุดตัวลงบนโซฟา รู้สึกว่าคอแห้งอย่างรุนแรง หลังจากที่ดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง ก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันที “ลืมสอนให้พวกเขาต้มน้ำแล้ว”

“ฉันไป ฉันไป!” หยวนชิงหลิงรีบห้ามเขาไว้ “พี่ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก พี่หาเวลาว่างตอนกลางวัน พวกเราออกไปดูรถ ไม่มีรถไม่สะดวก”

“ได้ เธอไปเถอะ!” หยวนชิงโจวรู้สึกว่าจริงๆแล้วตัวเองก็พูดได้ไม่ค่อยมากนัก จึงให้หยวนชิงหลิงไป

คนโบราณรุ่นแรกนี้ ดูแลยากมาก

หยวนชิงหลิงหยิบกุญแจแล้วไปสอนพวกเขาให้ต้มน้ำ สอนให้พวกเขาระวังการตัดไฟ พวกเขาล้วนตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เป็นเรื่องของโคมไฟระย้าแล้ว

โคมไฟแชงกาเรียอันนี้เป็นเจ้าของบ้านคนที่แล้วทิ้งไว้ รูปแบบค่อนข้างเก่า แต่สำหรับทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจและน่าสนุก ระหว่างที่เปิดปิดไฟไม่หยุดนั้น โคมไฟมีหลอดไฟสองอันไหม้แล้ว ความสว่างไม่เหมือนเดิม พวกเขาจึงไม่กล้าทำอีก

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าควรอธิบายการค้นพบและหลักการของไฟฟ้าให้พวกเขาฟังสักหน่อย ทั้งสามนั่งตัวตรงท่าทางจริงจัง ฟังอย่างตั้งใจจนหาที่เปรียบไม่ได้ หากไม่ใช่เซียวเหยากงกรนขึ้นมา หยวนชิงหลิงก็คิดว่าพวกเขาสนใจเป็นพิเศษจริงๆซะอีก

ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงเอนพิงบนเก้าอี้หลับไปแล้ว โสวฝู่เป็นคนที่ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง สำหรับเซียวเหยากงและไท่ซ่างหวงแล้ว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่น่าเบื่อไร้รสชาติ ไม่จำเป็นต้องรู้หลักการและขั้นตอน รู้ว่าใช้ทำอะไรก็ได้แล้ว

โสวฝู่ยังคงยืนกรานที่จะทำความเข้าใจอยู่ ผ่านคำอธิบายรอบหนึ่ง ก็เข้าใจคร่าวๆแล้วว่าไฟฟ้าเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง หลังจากผ่านการติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างแล้วก็สามารถผลิตพลังงานได้ พลังงาน แต่ละสิ่งแต่ละชนิด ไม่ว่าอย่างไรในการใช้ชีวิตประจำ ก็ไม่สามารถแยกออกจากมันได้

ในที่สุดหยวนชิงหลิงก็สามารถอธิบายเรื่องเครื่องยนต์ให้เข้าใจง่ายได้บ้างแล้ว

ที่บินอยู่บนท้องฟ้า วิ่งอยู่บนถนน วิ่งอยู่บนทางรถไฟ ส่วนมากล้วนอาศัยเครื่องยนต์เพื่อเปลี่ยนน้ำมันให้กลายเป็นพลังงาน ธรรมชาติ ก็มีการใช้พลังงานใหม่ของไฟฟ้า การคุยกับโสวฝู่นั้นค่อนข้างสบาย เพราะเขาฉลาดจริงๆ โดยปกติสรุปจากเรื่องหนึ่งก็สามารถอนุมานไปถึงเรื่องอื่นได้ ดูดซับได้อย่างรวดเร็ว

ฟังจบ เขาก็ถอนใจอย่างหนักหน่วง “ที่แท้เครื่องนี้ก็ไม่ใช่ไก่นั่น มิน่าล่ะ......” มิน่าล่ะถึงได้หาไม่เจอ

กลางดึกตีสองตีสาม หยวนชิงหลิงสะกิดปลุกไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงให้ตื่น ให้พวกเขาเข้าไปนอนในห้อง พรุ่งนี้พาไปดูรถ

วันรุ่งขึ้นหยวนชิงหลิงตื่นแต่เช้าตรู่ ช่วยคุณแม่จัดการทำอาหารเช้า

เธอรู้สึกว่าหลังจากที่ตัวเองผ่าตัดแล้ว มีความกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะนอนเพียงแค่สองถึงสามชั่วโมง ก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย

อาหารเช้าของพวกเขาต้องการอาหารประเภทหมี่ ดังนั้น ต้มน้ำเต้าหู้แล้ว นึ่งหมั่นโถวและซาลาเปาแล้ว ทอดปาท่องโก๋แล้ว ก็สั่งอาหารเดลิเวอรี่มาอีก สั่งของกินเล่นเล็กน้อย ตามใจพวกเขาว่าจะกินอะไร

ศาสตราจารย์หยวนพวกเขาสามคนกินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ไปทำงาน เพราะวันนี้ไม่มีรถ ต้องออกจากบ้านเช้าหน่อยไปนั่งรถไฟใต้ดิน หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ก็เหลือสามผู้ยิ่งใหญ่กินข้าวพร้อมกับหยวนชิงหลิง

โสวฝู่ถามหยวนชิงหลิงว่า “พี่ชายของท่าน......ก็ไม่เหมือนคนที่เป็นปู่แล้วนี่ ดูอายุน้อย”

หยวนชิงหลิงงงงัน “อะไรนะ? ปู่? แม้แต่พ่อเขาก็ยังไม่ได้เป็นเลย ยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยา แล้วจะเป็นปู่ได้อย่างไร?”

โสวฝู่มองไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง พวกเขาสนใจเพียงแต่กิน ราวกับไม่ได้ฟังเช่นนั้น

โสวฝู่ถามอีกว่า“อายุเท่านี้แล้ว ทำไมยังไม่แต่งงานอีกล่ะ?” ดูฐานะทางบ้านของท่าน......น่าจะถือว่าใช้ได้สินะ? ลักษณะนิสัยพี่ชายของท่านก็ไม่เลว ทำไมถึงไม่แต่งงานมีภรรยาอีก?”

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว“เขาไม่อยากถูกผูกมัดด้วยการแต่งงาน บอกว่าอยู่คนเดียวอิสรเสรีดีเป็นอย่างมาก”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้” ไท่ซ่างหวงพยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

“นั่นเพราะไม่ได้พบเจอคนที่ชอบ” เซียวเหยากงกล่าว

“น่าเบื่อ!” ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยสนใจหัวข้อสนทนานี้ สำหรับคนผู้หนึ่งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนทั้งชีวิต พูดสิ่งนี้ก็น่าเบื่อเล็กน้อยแล้ว ไม่ชอบฟัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน