ในจวนใหญ่ของฮ่องเต้ฮุยจง ขุนนางพ่อลูกยังคุยกันอยู่
ถามได้ความว่าตอนนั้นพี่เหว่ยพาพวกเขามารักษาตัวที่นี่ ไท่ซ่างหวงถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ทำไมต่อไมพี่เหว่ยถึงกลับไปอีก”
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นว่า “เขาบอกให้กลับไปเฝ้าดูไว้ รอเมื่อประเทศสงบสุขแล้วจริงๆค่อยกลับมา”
ไท่ซ่างหวงเข้าใจขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นด้วยความนับถือว่า “พี่เหว่ยอุทิศตัวเองทั้งหมด เพื่อแผ่นดินเป่ยถังจริงๆ”
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นว่า “เดิมเขาก็ไม่ยินยอม พ่อตาของเขาใช้ให้เขากลับไป บอกว่าหากเขาไม่กลับไป ก็จะส่งภรรยาของเขาไปปลูกแตงโมที่แอฟริกา ให้พวกเขาสองสามีภรรยาแยกกันอยู่สักแปดปีสิบปี เขาไม่มีทางเลือก จึงต้องกลับไป”
ไท่ซ่างหวงหัวเราะเพราะพูดขึ้นว่า “กฎแห่งกรรม ตามสนองได้ทันใจจริงๆ”
ทุกคนต่างเห็นด้วย คนที่อยู่ที่นี่ มีใครไม่เคยโดนเขาหลอก?
สิ่งที่เซียวเหยากงสนใจ มักจะค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนคนอื่น เขาจ้องมองใบหน้าของฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงสักพัก แล้วก็ถามขึ้นว่า “ฮ่องเต้ฮุยจง ทำไมท่านถึงดูอายุน้อยกว่าองค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงขนาดนี้?”
สีหน้าฮ่องเต้ฮุยจงเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที พร้อมพูดขึ้นอย่างอ้ำอึ้งว่า “คือ.... คนมีฝีมือการต่อสู้ที่สูงส่ง ก็ต้องดูแลบำรุงเป็นอย่างดี......”
องค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า “เขาไปดึงหนัง”
เซียวเหยากงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดึงหนัง.....?” งานแบบนี้สามารถทำให้ดูอ่อนเยาว์ไปตลอดหรือ?(ดึงหนังในภาษาจีนมีอีกความหมายคือแม่เล้า)
โสวฝู่เตะเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ดึงหนัง เจ้าไม่เข้าใจความรู้ของที่นี่ ศัลยกรรมความงาม พระชายารัชทายาทเคยบอก”
สายตาพร่ามัวของเซียวเหยากง ฉายแววสับสนเผยให้เห็นถึงความไม่รู้ของคนไม่ตั้งใจเรียน พร้อมพูดขึ้นว่า “เคยพูดถึงหรือ? เหมือนข้าจะไม่เคยได้ยิน”
โสวฝู่ไม่สนใจเขา ถามฮ่องเต้ฮุยจงว่า “ทำไมท่านจะต้องไปดึงหนังด้วยล่ะ? เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงไม่ย้อมผมด้วยล่ะ?”
“หนังศีรษะของเขาแพ้ ย้อมครั้งแรก ก็เป็นตุ่มขึ้นเต็มไปหมด” องค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงพูดพร้อมหันไปมองดูฮ่องเต้ฮุยจงแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “เขาไม่ได้ไปดึงหนังเพราะอยากที่จะดูอ่อนเยาว์ เป็นเพราะโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามนั้นเป็นของพ่อตาพี่เหว่ย กิจการไม่ค่อยดี เขาก็เลยไปช่วยใช้บริการ”
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง” ทั้งสามคนต่างเข้าใจ
พูดคุยกันอยู่มากมายขนาดนั้นแล้ว ค่อยพูดถึงประวัติความเป็นมาของพวกเขา ที่จริงตอนนั้นตอนที่พวกเขาจะมา ก็ไม่ค่อยเชื่อถืออ๋องชินเฟิงอัน คิดว่ายังไงก็ต้องตายแน่ จึงเอากีบม้าทองคำมาด้วยเพื่อเป็นสิ่งของร่วมฝังกับศพ ยังไงก็เป็นองค์ชายรัชทายาทคนหนึ่ง เป็นฮ่องเต้คนหนึ่ง เป็นการไม่ดีหากหลังจากตายแล้วไม่มีสิ่งของอะไรร่วมฝังไปด้วย กลับคิดไม่ถึงว่ากีบม้าทองคำพวกนั้นจะกลายเป็นสิ่งของที่ทำให้ร่ำรวย
เซียวเหยากงฟังแล้ว ก็หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ฮุยจงคิดเหมือนข้าเลย ตอนที่ข้ามาก็คิดว่าจะต้องตายแล้ว จึงนำกีบม้าทองคำมาด้วยเพื่อเป็นสิ่งของไว้ร่วมฝังเมื่อตายไป”
โสวฝู่กับไท่ซ่างหวงมองดูเขา แล้วก็พูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดไปถึงขั้นนี้แล้ว
“ใช่ ผู้หญิงที่มาด้วยเมื่อกี้คนนั้นเป็นใคร?” ฮ่องเต้ฮุยจงถามขึ้น
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “นั่นคือหลานสะใภ้คนสำคัญของท่าน ชื่อหยวนชิงหลิง นางเป็นคนที่นี่ ต่อมาไม่รู้ทำไมถึงไปอยู่ที่เป่ยถัง แล้วแต่งงานกับเจ้าห้า ดังนั้นที่จริงนี่ไม่ถือเป็นการแต่งงานระหว่างสองประเทศ แต่เป็นการแต่งงานระหว่างสองห้วงเวลา”
ความเข้าใจในห้วงเวลา ไท่ซ่างหวงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
“จริงหรือ? งั้นต้องเรียกนางมา เรียกนางมาให้ข้าดูหน่อย” ฮ่องเต้ฮุยจงตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด การอยู่ที่นี่อย่างไม่มีญาติพี่น้อง อยู่อย่างเงียบเหงามาก ต่อให้ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังคงรู้สึกว่ารากเหง้าของตนเองอยู่ที่เป่ยถัง เมื่อถึงเทศกาล มักจะคิดถึงคนที่เป่ยถัง ได้ยินลูกชายบอกว่าหลานสะใภ้คนสำคัญเป็นคนที่นี่ ในใจของเขาตื่นเต้นอย่างมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...